จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม กระหายที่จะเพิ่มถ้วยเอฟเอ คัพ ลงในเกียรติประวัติกับลิเวอร์ล หลังจากคว้าแชมป์พรรีเมียร์ลีก, แชมเปียนส์ลีก, ฟีฟา คลับ เวิลด์ คัพ และยูฟา ซูเปอร์ คัพมาแล้วระหว่างช่วงเวลาในแอนฟิลด์

“เราพูดไปแล้วในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลว่าเราอยากจะได้แชมป์ทุกรายการ” ไวจ์นัลดุมกล่าวกับ Liverpoolfc.com

“แน่นอนว่ามันยากที่จะลงเล่นทุกรายการด้วยทีมที่แข็งแกร่งที่สุดของคุณ เพราะในระหว่างฤดูกาลคุณต้องลงเล่นเกมมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ และคุณต้องหมุนเวียนนักเตะหลายตำแหน่ง”

“แต่ผมคิดว่าเราทำได้ดี (กับวิลลา) และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะทำได้ดีในรอบต่อไป เพราะว่านี่คือรายการที่เราต้องการชนะเช่นกัน เราชนะมาแล้วหลายรายการ แต่เอฟเอ คัพเราไม่เคยได้แชมป์ ดังนั้นเราอยากจะทำให้ได้”

กับปัญหาการระบาดของโควิด-19 ในกลุ่มทีมชุดใหญ่ของวิลลา ทำให้ทีมจากมิดแลนด์ใช้นักเตะอะคาเดมีเป็นหลัก ซึ่งไวจ์นัลดุมอธิบายว่าทำไมมันถึงเป็นความท้าทายที่ไม่ปกติสำหรับทีมเยือน

“มันเป็นเรื่องยาก…มันเป็นแมตช์ที่ยากจริงๆ เพราะว่าคนข้างนอกทั้งหมดคาดหมายว่าเราต้องชนะเกมนี้ด้วยการทำประตูมากมาย” เจ้าของเสื้อเบอร์ 5 กล่าว

“นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเช่นกัน เพระว่าคุณเล่นกับทีมที่ไม่มีอะไรจะเสีย และแค่ลงมาทุ่มเททุกอย่าง พวกเขาทำให้มันยากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้สำหรับเรา”

“เราตระหนักดีว่าเราเล่นกับทีมระดับยู-23 แต่มันก็ยาก ผมคิดว่าทุกคนในทีมของเราอยากจะลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ของพวกเขา แต่เพราะสถานการณ์ทำให้มันเป็นไปไม่ได้”

ไวจ์นัลดุมที่มีชื่อทำประตูในเกมนี้ร่วมกับซาดิโอ มาเน่ที่ทำสองประตู และโมฮาเหม็ด ซาลาห์หยุดสถิติทำประตูไม่ได้ในสองเกมล่าสุดของทีมหงส์แดง

“คุณรู้ว่าเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นได้” กองกลางรายนี้พูดถึงการประสบปัญหาของแนวรุก

“ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เราสร้างสรรค์โอกาสได้ไม่มากกว่าในเรื่องของการทำประตู เพราะผมคิดว่าทุกคน และรวมถึงเราเช่นกัน คุ้นเคยกับการที่เราทำประตูได้มากมาย และคุ้นเคยกับการสร้างสรรค์โอกาสได้มากมาย”

“แต่ฟุตบอลเปลี่ยนแปลงไป ทีมต่างๆ ปรับทีม หลายๆ ทีมดีขึ้น หลายๆ ทีมวิเคราะห์เรา ดังนั้นพวกเขารู้จุดแข็งของเราเช่นกัน และพวกเขามีการวางแผน เราแค่ต้องทำให้แน่ใจวาถึงแม้พวกเขาจะวางแผนมาเรายังคงสามารถสร้างสรรค์โอกาส ซึ่งเรื่องต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นได้”

“ทุกคนคุ้นเคยกับการเห็นเราสร้างสรรค์โอกาสได้มากมาย และโดยเฉพาะทำประตูได้มากมายเช่นกัน เพราะว่ากับคริสตัล พาเลซเราทำไปเจ็ดประตู ดังนั้นมันค่อนข้างปกติสำหรับคนทั่วไป”

“แต่เราไม่ได้เล่นกับทีมที่เล่ยแย่ เราเล่นกับทีมที่ดี และอย่างที่ผมพูดไปก่อนหน้านี้ว่าพวกเขาวิเคราะห์เรา และมันยิ่งยากขึ้นกว่าเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ ดังนั้นเมื่อเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น และเราแค่ต้องทำให้แน่ใจว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงเกม”

ทีมของคล็อปป์ขึ้นนำไปก่อนจากมาเน่ แต่ลูอี้ แบร์รีตีเสมอก่อนพักครึ่ง ซึ่งไวจ์นัลดุมชี้ว่าเป็นเรื่องของประสบการณ์

“เรายังคงนิ่ง และเราสงบเยือกเย็นในห้องแต่งตัว” นักเตะทีมชาติฮอลแลนด์ยืนยัน

“เราพูดว่าเราจะต้องไม่คลั่ง และเราไม่เสียความมั่นใจ เพราะว่าครึ่งชั่วโมงแรกเราทำได้ค่อนข้างดี และสร้างโอกาสได้มากมาย แต่เราทำประตูไม่ได้ หลังจากนั้นเราเคาน์เตอร์-เพรสได้ไม่ดีนัก ซึ่งผมคิดว่ามันเหมาะสมที่ไพวกเขาได้ประตู เพราะว่าเราตั้งรับมันได้ไม่ดี”

“นั่นคือสิ่งที่คุณจะเจอในเกมฟุตบอล เพราะเมื่อคุณตั้งรับอีกทีมไม่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคุณภาพของพวกเขา สามารถสร้างสรรค์โอกาส และนันคือสิ่งที่เกิดขึ้น และพวกเขาทำได้หนึ่งประตู”

“มีหลายๆ เรื่องเกิดขึ้นได้กับหลายๆ ทีม ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เราพูดในระหว่างพักครึ่ง และเราแค่เปลี่ยนแปลงสองสามอย่างในเวลานั้น”