ลิเวอร์พูลโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมในเกมอุ่นเครื่องนัดสุดท้ายที่สหรัฐอเมริกา ด้วยการเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปด้วยสกอร์ 4-1 ในเกมอินเตอร์เนชันแนล แชมเปียนส์ คัพ ที่มิชิแกน ท่ามกลางผู้ชมกว่า 100,000 คน

รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: กราบารา, กามาโช่, คลาวาน, ฟาน ไดจ์ค, โมเรโน่, ฟาบินโญ่, ลัลลานา, มิลเนอร์, ซาลาห์, มาเน่ และโซลันกี   

สำรอง: เคลเลเฮอร์, โกเมซ, สเตอร์ริดจ์, กรูยิช, ชากิรี, โรเบิร์ตสัน, โอริกี, ฟิลิปส์, โจนส์, มาร์โควิช, โอโจ้, วู้ดเบิร์น และชิริเบย่า   

Team News อัพเดตก่อนเกม: ซาดิโอ มาเน่ และโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงนัดแรกสำหรับปรีซีซั่น ในเกมลิเวอร์พูล ปะทะ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเช้าวันนี้

ทั้งคู่เป็นผู้ทำประตูที่นิว เจอร์ซีย์ ในเกมกลางสัปดาห์ และทั้งคู่กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งในเกมอินเตอร์เนชันแนล แชมเปียนส์ คัพ ในวันนี้ที่มิชิแกน  คามิล กราบารา จะรับหน้าที่เป็นผู้รักษาประตู ในขณะที่เซอร์ดาน ชากิรี อยู่บนม้านั่งสำรอง

จังหวะสำคัญในเกม

  •  นาที 28 มาเน่ซัดจุดโทษให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0
  • นาที 31 เปไรร่ายิงฟรีคิกตีเสมอให้แมนฯ ยูไนเต็ด 1-1
  • นาที 66 สเตอร์ริดจ์ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 2-1
  • นาที 74 โอโจ้ซัดจุดโทษให้ลิเวอร์พูลนำ 3-1
  • นาที 82 ชากิรีจักรยานอากาศยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 4-1
  •  

เกมในครึ่งแรก

เกมสุดท้ายของลิเวอร์พูลในการทัวร์ปรีซีซั่นที่สหรัฐอเมริกา คือการพบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่แข่งจากพรีเมียร์ลีก

 นาที 8 มาเน่หยอด ก่อนที่ซาลาห์สะบัดโหม่ง แต่ถูกแกรนท์ปัดออกมา และจากลูกเตะมุม โซลันกีได้โหม่ง บอลย้อยเกือบเข้า แต่ถูกเคลียร์ออกจากเส้นไปก่อน

นาที 20 มาต้าได้ยิงแต่กรรมการเป่าให้เป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน แต่ลิเวอร์พูลก็ได้โอกาสเช่นกันในนาที 21 เมื่อซาลาห์แทงบอลให้ลัลลานาวิ่งทะลุไปเส้นหลัง แต่จ่ายติดกองหลัง

ลิเวอร์พูลมาได้จุดโทษในนาที 27 หลังจากซาลาห์ถูกเตะล้มลงในกรอบ มาเน่รับหน้าที่ยิงเข้าไปให้ทีมนำ 1-0

แมนฯ ยูไนเต็ด มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 ในนาที 31 จากฟรีคิกของเปไรร่า

ในช่วงท้ายครึ่งแรกลิเวอร์พูลมีโอกาสลุ้นหลายจังหวะ ทั้งจังหวะโหม่งของฟาน ไดจ์ค และจังหวะประสานงานของทั้งซาลาหื และมาเน่ แต่น่าเสียดายที่ยังไม่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นประตู

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก 1 นาที

เกมในครึ่งหลัง

คล็อปป์ส่งชากิรี, โอโจ้, วู้ดเบิร์น และฟิลลิปส์  ลงมาแทนซาลาห์, มาเน่, ลัลลานา และคลาวาน รวมทั้งส่งเคลเลเฮอร์ ลงมาแทนกราบาร่า ในตำแหน่งผู้รักษาประตู

ช่วงต้นครึ่งหลัง ฟาบินโญ่ได้ใบเหลืองจากการเข้าสกัดอเล็กซิสในนาที 48 ก่อนที่กามาโช่จะได้โอกาสยิง แต่ยังไม

นาที 62 แมนฯ ยูไนเต็ดได้ฟรีคิก อเล็กซิสได้แป แต่ยังเบาไป บอลเข้ามือเคลเลเฮอร์ แต่จากนั้นลิเวอร์พูลได้เล่นบอลโต้กลับ แต่โอโจ้โหม่งบอลย้อนเข้าไปหน้ากรอบ ไม่มีใครมาเติม กองหลังแมนฯ ยูไนเต็ดจึงช่วยกันเคลียร์บอลออกมา

คล็อปป์เปลี่ยนทีมอีกครั้งในนาที 65 โดยส่งโกเมซ, โจนส์, โมเรโน่, กรูยิช, ชิริเบย่า และสเตอร์ริดจ์ ลงมาแทนมิลเนอร์, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ่, โซลันกี และกามาโช่

ชากิรีที่ประเดิมสนามในเกมนี้มีโอกาสโชว์ฟอร์มจ่ายแอสซิสต์ เมื่อได้บอลและเบียดบังบอลก่อนจ่ายให้สเตอร์ริดจ์ที่เพิ่งลงสนามให้ยิงเรียดเข้าไป ลิเวอร์พูลนำ 2-1 นาที 66  

ลิเวอร์พูลมาได้จุดโทษในนาที 73 หลังเอร์เรราเข้ามาแหย่ข้างหลังโรเบิร์ตสันขณะกำลังเงื้อเท้ายิง และเป็นโอโจ้ที่ยิงจุดโทษอย่างเยือกเย็นเข้าไปในนาที 74

ฟิลิปส์ตามเข้ามาสกัดบอลจากซานเชสได้ทันท่วงทีในนาที 77 ลิเวอร์พูลจึงเสียแค่เตะมุม

ชากิรีที่ลงมาประเดิมสนามในเกมนี้ ได้มีชื่อเป็นผู้ทำประตูนาที 82 หลังกระโดดจักรยานอากาศยิงบอลจากการเปิดของวู้ดเบิร์นเข้าไปอย่างสวยงามมากๆ และนั่นเป็นจังหวะสุดท้ายในเกม

ลิเวอร์พูลปิดฉากการทัวร์สหรัฐอเมริกา ด้วยชัยชนะอย่างสวยงาม ก่อนที่จะเดินทางไปยังประเทศฝรั่งเศสเป็นจุดหมายถัดไปในการเข้าแคมป์