Match Report: ลิเวอร์พูลชนะ 6 นัดรวดในพรีเมียร์ลีก หลังถล่มเซาท์แฮมป์ตันที่แอนฟิลด์
ลิเวอร์พูลสร้างสถิติใหม่ของสโมสร หลังเก็บสามแต้มติดต่อกัน 7 เกม รวมทุกรายการตั้งแต่เปิดฤดูกาล เมื่อต้อนเซาท์แฮมป์ตันไปด้วยสกอร์ 3-0 ที่แอนฟิลด์ พร้อมขยับขึ้นจ่าฝูง
รายชื่อนักเตะ
11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, มาติป, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, ไวจ์นัลดุม, เฮนเดอร์สัน ©, ชากิรี, มาเน่, ซาลาห์, และเฟอร์มิโน่
สำรอง: มินโญเลต์, ฟาบินโญ่, มิลเนอร์, เกอิต้า, โกเมซ, สเตอร์ริดจ์ และโมเรโน่
Team News อัพเดตก่อนเกม: คล็อปป์เปลี่ยนแปลงทีม 3 ตำแหน่งจากเกมที่ผ่านมา โดยส่งชากิรีลงมาแทนมิลเนอร์ ในขณะที่เฟอร์มิโน่กลับมาเป็นตัวจริงในแนวรุก และมาติปลงมาแทนโกเมซ
จังหวะสำคัญในเกม
- นาที 10 ฮูดท์สกัดเข้าประตูตัวเอง ให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0
- นาที 21 มาติปโหม่งให้ลิเวอร์พูลนำ 2-0
- นาที 45+2 ซาลาห์เข้าซ้ำฟรีคิกชากิรีเข้าไป
เกมในครึ่งแรก
เกมที่ 6 ของลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีก เป็นการรับการมาเยือนของเซาท์แฮมป์ตันของมาร์ค ฮิวจ์ ที่ไร้พ่ายติดต่อกัน 3 นัด แต่ในขณะเดียวกันลิเวอร์พูลก็ยังไม่ประสบความปราชัยตั้งแต่เปิดฤดูกาล
ในนัดนี้ชากิรีได้ลงประเดิมสนามอย่างเต็มตัวเป็นเกมแรก และในนาที 4 ได้มีโอกาสพาบอลขึ้นทางกราบขวา ก่อนที่จะโยนเข้ากลางให้เฟอร์มิโน่ที่สอดเข้ามา น่าเสียดายที่โหม่งไม่เต็ม บอลจึงไม่เข้ากรอบ แต่ในขณะเดียวกัน ทีมเยือนได้โอกาสขึ้นบุกในนาที 8 และเป็นฟาน ไดจ์ค ที่เข้ามาโหม่งเคลียร์ออกหลังไปได้
ลิเวอร์พูลเล่นเกมโต้กลับอย่างสวยงามในนาที 10 เมื่อซาลาห์พาบอลวิ่งขึ้นหน้า ก่อนไหลให้มาเน่ และมาเน่หยอดกลับมา แต่ถูกกองหลังทีมเยือนโขกออกไปก่อน ลิเวอร์พูลได้เตะมุม บอลมาถึงมาเน่ จากนั้นก็ผ่านบอลให้ชากิรี ก่อนที่ชากิรีจะลองยิง บอลแฉลบฮูดท์เข้าประตูไปให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0
ลิเวอร์พูลขึ้นเกมรุกอย่างโดดเด่นในนาที 21 และทำได้ใกล้เคียงมากๆ เมื่อซาลาห์ได้โอกาสยิงในกรอบ ก่อนจะถูกเซดริกจิ้มออก เฉี่ยวเสาไปนิดเดียว แต่เป็นมาติปที่มีชื่อเป็นผู้ทำประตู เมื่อโหม่งลูกเตะมุมเข้าไปอย่างงดงาม
ฟาน ไดจ์ค ยังปักหลักในเกมรับได้อย่างเหนียวแน่น เมื่อสามารถสกัดบอลได้สามครั้งติดต่อกันในช่วงนาที 28 และอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก็มาช่วยสกัดบอลออกหลังเช่นกัน
ในช่วง 5 นาที สุดท้าย เบอร์ทรานด์ได้โอกาส ในนาที 42 แต่กลับยิงไม่โดนบอล โรเบิร์ตสันจึงเคลียร์ออกมา เฟอร์มิโน่ได้บอลแล้ววางให้ซาลาห์ควบเข้าไปในกรอบ ก่อนจะหันหลังตอกส้น น่าเสียดายที่บอลเฉี่ยวเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย ในนาที 43
ก่อนจบครึ่งแรก ลิเวอร์พูลเพรสซิงสูงอย่างไม่ลดละ และพยายามแย่งบอลมาให้ได้ และซาลาห์เกือบทำได้สำเร็จ กรรมการทดเวลาบาดเจ็บ 2 นาที
มาเน่แย่งบอลมาได้ในนาที 45+1 จากการเข้ากดดันกองหลัง ก่อนจะปั่นโค้ง แต่บอลเข้ามือผู้รักษาประตู
ซาลาห์ถูกขวางจนล้มลง กรรมการให้เป็นฟรีคิกหลังจากบอลไม่ได้เปรียบ ก่อนที่ชากิรีจะปั่นซ้าย บอลชนคานก่อนซาลาห์จะวิ่งเข้ามายิงซ้ำเข้าไปอย่างสะใจในนาที 45+2 ก่อนกรรมการเป่าจบครึ่งแรก
เกมในครึ่งหลัง
คล็อปป์เปลี่ยนเอามิลเนอร์ลงมาแทนชากิรีทันทีที่เริ่มครึ่งหลัง และลิเวอร์พูลมีโอกาสทำเกมบุกขึ้นไปได้เป็นระยะ แต่ยังไม่มีจังหวะที่จะแจ้ง
เกมหยุดชั่วคราวเมื่อฟาน ไดจ์ค ที่ลงไปนั่งบนพื้นสนาม จากนั้นคล็อปป์จึงส่งโกเมซลงมาแทน ในนาที 54
ในช่วงที่เกมเดินทางมาถึงหนึ่งชั่วโมง เทรนต์ได้วางบอลยาวให้ซาลาห์วิ่งไล่ขึ้นหน้า แต่น่าเสียดายที่ถูกแซะบอลไปได้ก่อน จากนั้นเทรนต์ได้โอกาสวางบอลไปที่น่าประตูให้มาเน่ที่โถมเข้ามา แต่กองหลังและผู้รักษาประตูทีมเยือนเข้ามาสกัดไว้ได้ก่อน
อลิสสันออกมาตัดบอลในนาที 66 และในนาที 69 โกเมซพยายามสกัดบอลไว้ได้ก่อนที่ทีมเยือนจะได้สวนกลับเร็ว จากจังหวะเฟอร์มิโน่จ่ายบอลไม่เข้าใจกับซาลาห์
คล็อปป์ส่งเกอิต้ามาแทนไวจ์นัลดุม ในนาที 70
หลังจากขึ้นเกมบุกอยู่พักใหญ่ แต่ไม่มีโอกาสจบสกอร์ โรเบิร์ตสันได้โอกาสวอลเลย์ในนาที 85 หลังได้บอลมาจากซาลาห์ แต่บอลไม่เข้ากรอบ
ซาลาห์ถูกทำฟาวล์ ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกในนาที 87 มิลเนอร์พยายามหยอดข้ามกำแพงให้ซาลาห์ แต่ถูกโหม่งทิ้งไปได้ก่อน
ลิเวอร์พูลจวนเจียนได้ประตูที่ 4 เมื่อมิลเนอร์ได้บอลจากซาลาห์ในเขตโทษ ก่อนยิงและถูกบล็อกถึงสองจังหวะ ก่อนที่ซาลาห์จะเข้ามายิงเข้าประตู แต่กรรมการไม่ให้เนื่องจากซาลาห์มาจากตำแหน่งล้ำหน้า
กรรมการทดเวลาบาดเจ็บ 2 นาที
นาที 90+1 อลิสสันต้องออกแรงเซฟลุกยิงของออสตินไว้ได้อย่างหวุดหวิด จึงเสียเพียงแค่ลูกเตะมุม
เสียงเพลง You'll Never Walk Alone เริ่มดังขึ้น ก่อนที่กรรมการจะเป่าจบเกม พร้อมเก็บ 3 แต้ม ด้วยชัยชนะที่สวยงามในนัดนี้ ทำให้ลิเวอร์พูลที 18 แต้ม ขยับขึ้นตำแหน่งจ่าฝูง ก่อนที่เชลซีจะลงแข่งในวันพรุ่งนี้