ลิเวอร์พูลยังคงสถิติไร้พ่ายในพรีเมียร์ลีกต่อไป เมื่อเปิดแอนฟิลด์เอาชนะคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ไปอย่างสวยหรูด้วยสกอร์ 4-1

รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ลอฟเรน, ฟาน ไดจ์ค ©, โมเรโน่, ฟาบินโญ่, ไวจ์นัลดุม, ลัลลานา, มาเน่, ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่

สำรอง: มินโญเลต์, มาติป, โกเมซ, โรเบิร์ตสัน, มิลเนอร์, ชากิรี และสเตอร์ริดจ์ 

Team News อัพเดตก่อนเกม:   ลัลลานาลงเป็นตัวจริงในเกมที่คล็อปป์เปลี่ยนแปลง 3 ตำแหน่งในนัดพบกับคาร์ดิฟฟ์ ร่วมกับชากิรี, ลอฟเรน และโมเรโน่ ที่ลงมาแทนโกเมซ, และโรเบิร์ตสัน

จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที  10 ซาลาห์ยิงให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0
  • นาที 66 มาเน่ยิงให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 2-0
  • นาที 77 แพเตอร์สันยิงให้คาร์ดิฟฟ์ตามมา 2-1
  • นาที 84 ชากิรียิงให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 3-1
  • นาที 87 มาเน่ยิงให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 4-1

เกมในครึ่งแรก

ลิเวอร์พูลต้องการเก็บชัยชนะให้ได้ในเกมนี้ เพื่อทำคะแนนเกาะกลุ่มท็อปต่อไป

เริ่มเกมได้ 7 นาที ลิเวอร์พูลได้เตะมุมครั้งแรกแต่ถูกตัดบอลออกไป ลิเวอร์พูลหนุนบุกใหม่แต่กองหลังคาร์ดิฟฟ์ยังหวดสกัดไว้ได้

แต่ลิเวอร์พูลมาได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วจากซาลาห์ หลังจากมาเน่ และไวจ์นัลดุมยิงและติดบล็อก และบอลมาเข้าทางให้ซาลาห์หวดเข้าไปตุงตาข่ายในนาที 10

จากนั้นในนาทีที่ 14 ฟาน ไดจ์ค เกือบบวกสกอร์ให้เจ้าบ้าน แต่น่าเสียดายที่บอลชนเสา ในช่วง 15 นาทีแรกลิเวอร์พูลทำเกมบุกได้ดี และซาลาห์เกือบหลุดเดี่ยวไปดวลกับผู้รักษาประตู แต่แตะไม่ผ่านแนวรับ

ลัลลานาถูกเข้าสกัดในนาที 20 ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิก แต่ถูกสกัดออกมา จากนั้นในนาที 23 อลิสสันต้องออกมารับลูกเปิดไว้ได้ไม่มีปัญหา

อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ โชว์กระดกบอลหลบ หลังได้บอลในเขตโทษ ก่อนที่จะยิง แต่เสียดายที่บอลเบาเกินไป ในนาที 25 จากนั้นลิเวอร์พูลบุกเป็นระลอก เฟอร์มิโน่พยายามเกี่ยวบอล และตวัดเข้ากรอบ ไม่มีเพื่อนเข้ามาชาร์จ ในนาที 27

ลิเวอร์พูลได้ทำเกมโต้กลับในนาที 35 หลังจากเฟอร์มิโน่ลงเปเล่นเกมรับที่สุดเส้นหลัง ก่อนโมเรโน่จะเข้ามาช่วย และส่งต่อให้มาเน่ที่ควบบอลขึ้นหน้า จ่ายให้ลัลลานาที่ขึ้นมาเติม ก่อนที่ลัลลานาตัดสินใจยิงติดบล็อก

ทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก 1 นาที

ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ลัลลานาได้โหม่ง หลังจากโมเรโน่โยนมาให้ด้วยน้ำหนักที่พอดี ก่อนที่จะถูกเคลียร์ออกไปอย่างน่าเสียดาย

เกมในครึ่งหลัง

แม้จะบุกหนักในครึ่งแรก แต่ทีมเยือนเป็นรองเพียงแค่ประตูเดียว

ทีมเยือนส่งบอลเข้าประตูไปในนาที 53 จากจังหวะที่ลอฟเรนเสียฟาวล์ คาร์ดิฟฟ์ได้ฟรีคิก แต่กรรมการยกธงให้เป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อนหลังบอลเข้าไปจากจังหวะขลุกขลิกหน้าประตู

โมเรโน่เปิดบอลติดกองหลังในนาที 60 และประท้วงแฮนด์บอล แต่กรรมการให้เป็นจังหวะเตะมุม จากนั้นคล็อปป์ส่งชากิรีลงมาแทนลัลลานา

เพียงหกนาทีหลังจากนั้น ลิเวอร์พูลมาได้ประตูนำ 2-0 จาก มาเน่ เมื่อมาเน่ได้บอลก่อนยิงเสียบมุมอย่างสวยงาม

มิลเนอร์ลงมาแทนเฟอร์มิโน่ในนาที 71 และฟาน ไดจ์ค มอบปลอกแขนคืนให้กับมิลเนอร์

ทีมเยือนมาได้ประตูในนาที 77 แพเตอร์สันจิ้มบอลเข้าไปอย่างง่ายดาย หลังจากบอลที่เปิดมาทางซ้าย และแพเตอร์สันวิ่งตัดหน้าลอฟเรนขึ้นมา และยิงผ่านมืออลิสสันเข้าไป

หลังจากเสียประตู ลิเวอร์พูลจำเป็นต้องทำประตูเพิ่มเพื่อการันตีสามแต้มไว้ให้ได้ และในนาที 84 ลิเวอร์พูลทำเกมบุกได้สวย ก่อนที่ชากิรีจะได้บอลในกรอบ ล็อกหลบจนมีช่อง และยิงเสียบเสาเข้าไปอย่างสวยงาม และอีกสามนาทีถัดมา มาเน่ยิงเพิ่มเป็น 4-1

ทดเวลาบาดเจ็บ 3 นาที

ลิเวอร์พูลเก็บ 3 แต้มได้สำเร็จ