ลิเวอร์พูลยังคงรักษาสถิติไร้พ่ายในพรีเมียร์ลีกต่อไป หลังจากสามารถเก็บสามแพต้ม พร้อมคลีนชีตในการเยือนวัตฟอร์ด ที่วิคาเรจ โร้ด

รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ลอฟเรน, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, เฮนเดอร์สัน (c) , ไวจ์นัลดุม, ชากิรี, มาเน่, ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่

สำรอง: มินโญเลต์, ไคลน์, ฟาบินโญ่, มิลเนอร์, เกอิต้า, สเตอร์ริดจ์ และมาติป

Team News อัพเดตก่อนเกม: กัปตันเฮนเดอร์สันกลับมามีชื่อใน 11 ตัวจริง ในเกมเยือนวัตฟอร์ด นอกจากนั้นลอฟเรนยังกลับมาออกสตาร์ตในแนวรับ ในขณะที่โกเมซได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่ข้อเท้าในระหว่างการซ้อม

จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที  67 ซาลาห์ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0
  • นาที 76 เทรนต์ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 2-0
  • นาที 89 เฟอร์มิโน่โหม่งให้ลิเวอร์พูลนำ 3-0

เกมในครึ่งแรก

เกมแรกหลังพักเบรกทีมชาติครั้งสุดท้ายของปีนี้ ลิเวอร์พูลยังคงรองสถิติไร้พ่ายในพรีเมียร์ลีก ในขณะที่ลงแข่งขันเกมที่ 13 โดยไปเยือนวัตฟอร์ดที่วิคาเรจ โร้ด

วัตฟอร์ดส่งบอลเข้าประตูได้ก่อนตั้งแต่นาที 2 แต่เป็นเดวโลเฟวที่ถูกจับล้ำหน้า และในนาที 9 ก็เกือบได้โอกาสยิงอีกเช่นกัน

จากนั้นเกมเริ่มเปิดมากขึ้นและลิเวอร์พูลพยายามทำเกมขึ้นหน้า แต่วัตฟอร์ดยังรับกันอย่างเหนียวแน่น และ พยายามเล่นเกมโต้กลับ

เบน ฟอสเตอร์ ต้องออกมาตัดบอลในจังหวะเปิดของชากิรี ในขณะที่บอลกำลังย้อยไปเข้าทางซาลาห์ ในนาที 18

จากนั้นลอฟเรนหยุดการเล่นโต้กลับได้ดีในนาที 32 แต่ลิเวอร์พูลก็ยังไม่สามารถเปิดเกมเร็วได้

เฟอร์มิโน่ได้โอกาสยิงในกรอบในนาที 39 แต่ไม่ตรงกรอบ แต่หลังจากนั้นอลิสสันต้องออกโรงเซฟจังหวะยิงของเดวโลโฟวไว้ได้อย่างหวุดหวิด

ลิเวอร์พูลได้โต้กลับโดยซาลาห์ ก่อนจะแตะบอลให้มาเน่ แต่มาเน่ไม่มีจังหวะยิง ในนาที 41 แต่ในอีกนาทีต่อมา มาเน่ได้จังหวะวอลเลย์เร็ว แต่ฟอสเตอร์ปัดเอาไว้ได้ และจากนั้นลิเวอร์พูลได้เตะมุม ซาลาห์ได้ขึ้นโหม่ง แต่ฟอสเตอร์ยังไว ตะครุบบอลที่ตกลงพื้นไวได้ก่อนที่จะข้ามเส้น

ทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก 1 นาที

เกมในครึ่งหลัง

คล็อปป์ยังไม่เปลี่ยนแปลงทีมในครึ่งหลัง และในนาที 50 ลิเวอร์พูลได้โอกาสทองเมื่อเฟอร์มิโน่ผ่านบอลให้มาเน่ ก่อนจะยิงชนเสา และกระดอนออกมา เฟอร์มิโน่จะซ้ำแต่กรรมการให้เป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน

เกมดำเนินมาถึงหนึ่งชั่วโมง ลิเวอร์พูลเสียฟรีคิกจากจังหวะเฮนเดอร์สันตัดเกมกลางสนาม

ลิเวอร์พูลพยายามช่วยกันต่อบอล และเคลื่อนที่เพื่อหาช่อง และสุดท้ายไวจ์นัลดุมได้เปิด และถูกสกัดออกหลังในนาที 62 ได้เตะมุม แต่ก็ยังถูกสกัดออกมา

มาเน่ตัดบอลได้ในนาที 64 ก่อนจะพาบอลขึ้นหน้า และแทงให้ซาลาห์ที่สปีดมารับบอล แต่กรรมการเป่าให้ซาลาห์ล้ำหน้า

ประตูขึ้นนำของลิเวอร์พูลมาจากการประสานงานของเฟอร์มิโน่ที่ผ่านบอลให้มาเน่ ก่อนที่จะเบิ้ลกลับไปให้ซาลาห์ยิงลอดขาฟอสเตอร์เข้าไปในนาที 67 ให้ลิเวอร์พูลนำเจ้าบ้าน 1-0

หลังจากถูกนำ เจ้าบ้านพยายามขึ้นเติมเกมรุกมากขึ้น แต่ยังไม่มีจังหวะใดที่ใกล้เคียง

คล็อปป์ส่งมิลเนอร์ลงมาแทนชากิรีในนาที 74

ลิเวอร์พูลมาได้ประตูนำ 2-0 จากจังหวะฟรีคิกของอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ปั่นโค้งหนีกำแพง ปล่อยให้ฟอสเตอร์ยืนมองบอลที่เข้าประตูไป

ลิเวอร์พูลต้องมาเล่น 10 คน เมื่อเฮนเดอร์สันโดนใบเหลืองที่สอง ต้องออกจากเกมในนาที 83

คล็อปป์ส่งฟาบินโญ่ลงมาแทนซาลาห์ในนาที 86

ประตูที่ 3 ของลิเวอร์พูลมาจากการพาบอลขึ้นหน้าของโรเบิร์ตสันก่อนที่จะเข้ามาให้มาเน่วอลเลย์ แต่ฟอสเตอร์ปัดได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ก่อนที่บอลจะกระดอนมาเข้าทางเฟอร์มิโน่โหม่งเข้าไปอย่างสวยงามในนาที 89

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 4 นาที

และลิเวอร์พูลสามารถคว้าสามแต้มไปได้ พร้อมเก็บคลีนชีตกลับแอนฟิลด์