แอนฟิลด์ไม่เสื่อมมนต์ขลัง เมื่อลิเวอร์พูลสามารถเอาชนะนาโปลี ไปด้วยสกอร์ 1-0 พร้อมผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแชมเปียนส์ลีก

รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, มาติป, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, เฮนเดอร์สัน © , ไวจ์นัลดุม, มิลเนอร์, มาเน่, ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่

สำรอง: มินโญเลต์, ฟาบินโญ่, ลอฟเรน, เกอิต้า, สเตอร์ริดจ์, ชากิรี และโอริกี

Team News อัพเดตก่อนเกม:  ลิเวอร์พูลเปลี่ยนแปลงทีม 3 ตำแหน่ง ในเกมพบกับนาโปลีที่แอนฟิลด์ โดยอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เฮนเดอร์สัน และมาเน่ กลับมามีชื่อใน 11 ตัวจริง ในขณะที่ฟาบินโญ่, เกอิต้า และชากิรี อยู่บนม้านั่งสำรอง

จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที  34 ซาลาห์ยิงให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0

เกมในครึ่งแรก

ลิเวอร์พูลต้องเก็บชัยชนะเพื่อผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายต่อไปในรายการแชมเปียนส์ลีก โดยแอนฟิลด์เป็นสังเวียนสำหรับค่ำคืนยุโรปในเกมนัดนี้ ซึ่งลิเวอร์พูลจะผ่านเข้ารอบหากชนะโดยการไม่เสียประตู หรือถ้าหากนาโปลียิงได้ ลิเวอร์พูลก็ต้องทำประตูได้ให้มากกว่า 2 ประตู

ลิเวอร์พูลได้โอกาสทองในนาที 7 เมื่อโรเบิร์ตสันได้ครอสเข้าไป แต่ซาลาห์จับบอลยาว บอลจึงไปเข้ามือผู้รักษาประตู และในนาที 9 มิลเนอร์ได้โอกาสโหม่ง แต่บอลข้ามคาน

ฟาน ไดจ์ค ได้ใบเหลืองในนาที 13 เมื่อเข้าสกัดผู้เล่นของนาโปลี แต่ในนาที 17 ซาลาห์ถูกสกัดล้มลงเมื่อวิ่งไปรับบอลจากโรเบิร์ตสันที่ครอสข้ามมา ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิก แต่บอลที่ครอสเข้ามาผ่านไปหมด

ลิเวอร์พูลส่งบอลเข้าประตูไปในนาที 22 แต่กรรมการให้ลุกยิงของมาเน่เป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน

แต่ในนาที 34 ทั่วทั้งแอนฟิลด์ต่างส่งเสียงกึกก้อง เมื่อซาลาห์ได้บอลจากมิลเนอร์ ก่อนสลัดตัวประกบ และพาบอลขึ้นไปยิงประตูให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0

นาโปลีพยายามส่องไกล แต่ไม่เข้ากรอบ

กรรมการเป่าทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก 3 นาที

นาโปลีได้บุกในช่วงนาทีสุดท้ายหลังจากมิลเนอร์และโรเบิร์ตสันเสียบอล จากนั้นลิเวอร์พูลพยายามเล่นโต้กลับ แต่ยังไม่สามารถหาจังหวะจบได้ ก่อนที่กรรมการจะเป่าจบครึ่งแรก

เกมในครึ่งหลัง

ลิเวอร์พูลพลาดโอกาสขึ้นนำอีกครั้งอย่างน่าเสียดาย เมื่อซาลาห์ยิงเฉี่ยวเสาออกไปในนาที 51 จากนั้นในนาที 52 มาเน่พยายามกระดกบอลให้ซาลาห์ แต่กรรมการเป่าให้เป็นจังหวะฟาวล์ของซลาห์ไปก่อน และในนาทีต่อมา ไวจ์นัลดุมแทงบอลให้มาเน่ กรรมการเป่าเปนจังหวะล้ำหน้า

เฮนเดอร์สันได้จังหวะส่องในนาที 61 แต่ผู้รักษาประตูตะครุบเอาไว้ได้ และนาทีต่อจากนั้น มิลเนอร์พยายามยิง แต่บอลหลุดเสาไกลออกไป

ลิเวอร์พูลยังคงเดินหน้าเพื่อค้นหาประตูที่สอง และในนาที 74 ลิเวอร์พูลเล่นโต้กลับจากการประสานงานของมาเน่ และซาลาห์ ก่อนที่บอลที่ซาลาห์ครอสไปหน้าประตูจะถูกดักไว้ได้ และในนาที 77 มาเน่ได้เข้าฮอร์ส หลังจากโรเบิร์ตสันได้บอลจากซาลาห์ และรีบจ่ายเข้ามาให้ แต่ผู้รักษาประตูพุ่งเซฟไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ

ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกในนาทีต่อมา ฟาน ไดจ์ค ได้วอลเลย์ข้ามคาน แต่กรรมการให้เป็นจังหวะล้ำหน้า แต่ในจังหวะโต้กลับในนาที 79 ลิเวอร์พูลรอดการเสียประตูอย่างหวุดหวิด จากนั้นคล็อปป์ส่งเกอิต้าลงมาแทนเฟอร์มิโน่

คล็อปป์ส่งฟาบินโญ่ลงมาแทนมิลเนอร์ในนาที 84

มาเน่พลาดโอกาสทองยิงประตูให้ลิเวอร์พูล เมื่อได้บอลจากซาลาห์ที่หน้าประตู ก่อนยิงไม่เข้ากรอบ ในนาที 86

ทั่วทั้งแอนฟิลด์ต่างร้องเพลงกระตุ้นนักเตะเมื่อเกมดำเนินมายังช่วงก่อนจบ 90 นาที

คล็อปป์ส่งลอฟเรนลงมาแทนอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในนาที 90

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 4 นาที

ช่วงนาที 90+2 อลิสสันโชว์ฟูเปอร์เซฟ เมื่อฟาบินโญ่โหม่งเคลียร์แต่ไปเข้าทางมิลิคที่ไร้ตัวประกบและยิงทันที แต่อลิสสันป้องกันไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม และน่าเหลือเชื่อ

ลิเวอร์พูลสามารถเก็บ 3 แต้ม และทะลุผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ในที่สุด