ลิเวอร์พูลยังคงอยู่หัวตารางพรีเมียร์ลีกด้วยการนำอยู่ 6 แต้ม หลังคว้าชัยชนะเหนือนิวคาสเซิล 4-0

รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ลอฟเรน, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, เฮนเดอร์สัน©, ไวจ์นัลดุม, ชากิรี, ซาลาห์, มาเน่ และเฟอร์มิโน่

สำรอง: มินโญเลต์, ไคลน์, ฟาบินโญ่, เกอิต้า, สเตอร์ริดจ์, ลัลลานา และโอริกี

เจอร์เก้น คล็อปป์ เปลี่ยนแปลงทีม 3 ตำแหน่ง จากเกมเอาชนะวูล์ฟแฮมป์ตัน โดยเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่เพิ่งหายเจ็บ มีชื่อเป็นตัวจริงในเกมนี้แทนเจมส์ มิลเนอร์ ที่มีอาการบาดเจ็บ ในขณะที่จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม และเซอร์ดาน ชากิรี ได้ลงสนามแทนฟาบินโญ่ และนาบี เกอิต้า โดยมีกัปตันจอร์แดน เฮนเดอร์สัน เป็นคนพาลูกทีมลงสนามในวันนี้

ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมที่ 19 ในพรีเมียร์ลีก ด้วยการรั้งตำแหน่งจ่าฝูง มี 48 คะแนน และยังไม่พบกับความปราชัยในฤดูกาลนี้ ในขณะที่นิวคาสเซิล อยู่ในอันดับที่ 15 ด้วยการมี 17 คะแนน

จังหวะสำคัญในเกม

  • นาทีที่ 11 ลอฟเรน ยิงให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0
  • นาทีที่ 47 ซาลาห์ ยิงจุดโทษให้ลิเวอร์พูลนำ 2-0
  • นาทีที่ 79 ชากิรี ทำประตูให้ลิเวอร์พูลนำห่าง 3-0
  • นาทีที่ 85 ฟาบินโญ่ โหม่งทำประตูให้ลิเวอร์พูลนำ 4-0

 

เกมในครึ่งแรก

เริ่มเกม เจ้าบ้านเป็นฝ่ายเขี่ยลูกก่อน และในนาทีที่ 2 ลิเวอร์พูลทำเกมบุกขึ้นมาจนเกือบถึงหน้าประตู แต่โดนผู้เล่นของนิวคาสเซิลสกัดออกข้างไปได้ก่อน

หลังจากผลัดกันรุกผลัดกันรับพักใหญ่ นิวคาสเซิลของราฟาเอล เบนิเตซ เป็นฝ่ายที่มีจังหวะหวาดเสียวก่อน เมื่อเดอะ แม็กพายส์ ทำเกมขึ้นมากราบซ้าย ก่อนจะเปิดไปเสาไกล บอลออกหลังไปแบบไม่มีลุ้น

สองนาทีถัดมา เป็นโอกาสของลิเวอร์พูลบ้าง เมื่อโรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่จ่ายบอลให้ซาดิโอ มาเน่ ตักต่อให้ชากิรีที่อยู่บริเวณกลางประตู แต่บอลย้อนหลังไปนิด บอลจึงถากออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 11 ความทุ่มเทของเจ้าบ้านก็ได้รับผลตอบแทน เมื่อลิเวอร์พูลได้ลูกเตะมุม ชากิรีเล่นสั้นไปยังแอนดี โรเบิร์ตสัน ก่อนจะเปิดเข้าไปยังหน้าประตู จามาล ลาสเซิล สกัดมาเข้าทางเดยัน ลอฟเรน กองหลังหมายเลข 6 หวดเต็มข้อ เข้าประตูไปอย่างสวยงาม ลิเวอร์พูลนำ 1-0

นาทีที่ 18 ลิเวอร์พูลได้เตะมุมฝั่งเดียวกับที่ได้ประตู อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดมาหน้าปากประตูอย่างได้ลุ้น บอลขลุกขลิก ก่อนนิวคาสเซิลจะเคลียร์ออกมาได้ ทีมเยือนทำเกมโต้กลับ และได้ฟรีคิกจากการทำฟาวของเฮนเดอร์สัน แต่อลิสสัน เบคเกอร์ รับเอาไว้ได้

ลิเวอร์พูลโหมบุกอย่างหนัก และเกือบได้ประตูจากจังหวะหลุดของมาเน่ แต่กองหลังนิวคาสเซิลยังไม่พลาด ในขณะที่จังหวะบุกของนิวคาสเซิล กองหลังและผู้รักษาประตูของลิเวอร์พูลก็ยังไม่พลาดเช่นกัน

ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรก ชากิรีเปิดบอลข้ามฟากให้โรเบิร์ตสัน ที่ตวัดมาหน้าปากประตู แต่ไม่มีใครเข้าชาร์จทัน จากนั้นเป็นชากิรีอีกครั้งที่ไขว้บอลให้โมฮาเหม็ดอซาลาห์ แต่จังหวะไม่พอดี พลาดโอกาสการสับไกไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 31 ลิเวอร์พูลน่าได้ประตูที่สอง เมื่อเฟอร์มิโน่จ่ายบอลไปยังด้านขวาให้อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เทรนต์เปิดต่อไปหน้าปากประตูอย่างมีลุ้น แต่มาเน่ถลำไปเสียก่อน ผู้เล่นนิวคาสเซิลสกัดออกมาได้

ลิเวอร์พูลครองเกมได้เหนือกว่า ทำให้นิวคาสเซิลมีโอกาสขึ้นเกมได้ไม่มากนัก ในขณะที่เจ้าบ้านดึงเกมช้าสลับเร็ว และมีโอกาสยิงเป็นครั้งคราว

เข้าสู่ช่วงห้านาทีสุดท้าย เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค มีโอกาสส่องจากการจ่ายของมาเน่ แต่เสียจังหวะจากการสกัดของกองหลังนิวคาสเซิล จังหวะเตะมุมต่อจากนั้น ฟาน ไดจ์ค มีโอกาสยิงอีกครั้ง แต่โดนสกัดออกหลังไป ลิเวอร์พูลได้เตะมุมอีกฝั่ง คราวนี้ไม่มีอะไรตื่นเต้น

นาทีที่ 43 ลิเวอร์พูลได้ลูกตั้งเตะบริเวณเกือบกลางประตู จากการโดนทำฟาวล์ของไวจ์นัลดุม ชากิรีปั่นด้วยซ้าย บอลเกือบเสียบใต้คาน แต่มาร์ติน ดูบราฟกา ผู้รักษาประตูนิวคาสเซิล ปัดมือเดียวออกหลังได้อย่างหวุดหวิด

ทดเวลาบาดเจ็บหนึ่งนาที จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูลนำนิวคาสเซิล 1-0

เกมในครึ่งหลัง

ทั้งสองทีมกลับมาลงสนามในครึ่งเวลาหลัง โดยใช้ผู้เล่นชุดเดิม

นาทีที่ 47 อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดขนานเส้นให้ซาลาห์ ซาลาห์ลากเข้าไปในกรอบเขตโทษ พอล ดัมเมตต์ ดึงแขนโมล้มลงในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นจุดโทษทันที

ซาลาห์ลุกขึ้นมายิงจุดโทษด้วยตัวเอง ซัดด้วยซ้ายเต็มแรง บอลพุ่งเข้าเสียบมุมล่าง ดูบราฟก้าพุ่งไปถูกทาง แต่ไม่สามารถต้านทานความแรงของลูกยิงได้ ลิเวอร์พูลนำห่าง 2-0

นาทีที่ 53 ชากิรีดักบอลจากลาสเซิล ไหลต่อให้มาเน่ ในขณะที่ซาลาห์และเฟอร์มิโน่ เติมขึ้นมาหน้าประตู มาเน่ตั้งใจจ่ายให้เฟอร์มี แต่ติดเฟเดริโก้ เฟร์นานเดซ ไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 60 กัปตันเฮนโด้เปิดบอลยาวไปให้โม ซาลาห์ บริเวณกรอบเขตโทษ แต่ผู้รักษาประตูนิวคาสเซิลออกมาเตะสกัดออกไปได้ก่อน

นาทีที่ 62 ลิเวอร์พูลเปลี่ยนตัวคนแรก ส่งฟาบินโญ่ลงมาแทนไวจ์นัลดุม

นาทีถัดมา เทรนต์วางบอลยาวมาหน้าประตู เป้าหมายคือมาเน่ แต่ผู้กำกับเส้นยกธงล้ำหน้า จากนั้น นิวคาสเซิลทำเกมโต้กลับ มีโอกาสสับไก แต่อลิสสันยังรับไว้ได้ ไม่กี่อึดใจต่อมา เฟอร์มิโน่มีโอกาสยิงจากมุมแคบ แต่ไม่ผ่านมือดูบราฟก้า

นาทีที่ 69 ลิเวอร์พูลเปลี่ยนตัวผู้เล่นเป็นคนที่ 2 โดยถอดโรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ออก และส่งแดเนียล สเตอร์ริดจ์ ลงมาแทน

นาทีที่ 73 นิวคาสเซิลแก้เกมด้วยการเปลี่ยนเคเนดีออก และส่งฌอน ลองสต๊าฟฟ์ ลงมาแทน จากนั้น ทีมเยือนมีโอกาสจากจังหวะโต้กลับ แต่อิซาค เฮย์เดน ยิงออกหลังไปเอง

เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย ลิเวอร์พูลยังเป็นฝ่ายครองเกมได้เหนือกว่า และได้ประตูที่สามจากการประสานงานอย่างยอดเยี่ยมของสเตอร์ริดจ์, เฮนเดอร์สัน และอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก่อนที่เทรนต์จะเปิดบอลต่อมายังหน้าปากประตู ชากิรีวิ่งเข้ามาจิ้มบอลด้วยซ้ายเข้าประตู ลิเวอร์พูลนำ 3-0 ในนาทีที่ 79

หลังจากโดนนำห่าง เบนิเตซแก้เกมอีกครั้ง ด้วยการส่งจาค็อบ เมอร์ฟีย์ ลงมาแทนแมตต์ ริชชี ในขณะที่ลิเวอร์พูลส่งนาธาเนียล ไคลน์ ลงมาแทนโรเบิร์ตสัน

แม้จะใกล้หมดเวลา แต่ลิเวอร์พูลยังโหมบุกอย่างต่อเนื่อง และได้ประตูที่ 4 ในนาทีที่ 85 จากลูกโหม่งของฟาบินโญ่ จากการเปิดลูกเตะมุมของโม ซาลาห์

นาทีที่ 88 มาเน่เกือบมีชื่อบนสกอร์บอร์ด เมื่อลอฟเรนเปิดบอลยาวมาให้ มาเน่แต่งบอลหนึ่งจังหวะ ก่อนจะสับด้วยขวา บอลเหินข้ามคานออกไปไกล

ทดเวลาบาดเจ็บ 3 นาที สเตอร์ริดจ์ได้จังหวะโหม่งกดลงพื้น แต่ออกหลังไป จากนั้น นิวคาสเซิลโต้กลับ หวังเอาคืน อลิสสันวิ่งออกมาสกัดบอลนอกเขตโทษ ก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในเขต และบล็อคลูกยิงของนิวคาสเซิลไว้ได้

หมดเวลาการแข่งขัน ลิเวอร์พูลถล่มนิวคาสเซิล 4-0 รั้งตำแหน่งจ่าฝูงต่อไปด้วยการมี 51 คะแนน และเป็นการเก็บชัยชนะในพรีเมียร์ลีกเป็นนัดที่ 8 ติดต่อกัน