ลิเวอร์พูลยังคงเป็นจ่าฝูงโดยมีคะแนนนำอยู่ 4 แต้ม หลังจากออกไปพ่ายแมนฯ ซิตี้ ที่เอติฮัด สเตเดียม ไปด้วยสกอร์ 2-1 ซึ่งนับเป็นการพ่ายแพ้ในลีกเป็นนัดแรกของฤดูกาล

รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ลอฟเรน, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, เฮนเดอร์สัน ©, มิลเนอร์, ไวจ์นัลดุม, มาเน่, ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่ 

สำรอง: มินโญเลต์, ฟาบินโญ่, เกอิต้า, โมเรโน่, สเตอร์ริดจ์, ลัลลานา และชากิรี 

Team News อัพเดตก่อนเกม: มิลเนอร์กลับมาจากการบาดเจ็บ ในขณะที่เฮนเดอร์สันมีชื่อในแผงมิดฟิลด์ โดยลงมาแทนฟาบินโญ่ และชากิรี

จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที  40 อเกวโร่ยิงให้แมนฯ ซิตี้นำ 1-0
  • นาที  64 เฟอร์มิโน่ตีเสมอให้ลิเวอร์พูล 1-1
  • นาที 72 ซาเน่ยิงให้แมนฯ ซิตี้ นำ 2-1

เกมในครึ่งแรก

 ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่ 21 โดยการไปเยือนเอติฮัด สเตเดียม ของแมนฯ ซิตี้ ซึ่งจนถึงตอนนี้ ลิเวอร์พูลยังคงสถิติไม่แพ้ใครในลีก นับตั้งแต่เปิดฤดูกาล

เริ่มเกมได้ 5 นาที เกมต้องหยุดชั่วคราวเมื่อโรเบิร์ตสันปะทะกับแฟร์นันดินโญ่ และล้มลง จากนั้นลิเวอร์พูลได้ทำเกมขึ้นมาจากจังหวะโต้กลับในนาที 8 แต่น่าเสียดายที่บอลแฉลบแฟร์นันดินโญ่ และผ่านเข้ามือของเอแดร์สัน

ลิเวอร์พูลพยายามต่อบอลอย่างใจเย็นเพื่อหาโอกาส แต่สุดท้ายซาลาห์ถูกแฟร์นันดินโญ่บังบอล ก่อนที่ซาลาห์จะเสียฟาวล์ ในนาที 15

นาที 18 ลิเวอร์พูลพลาดการได้ประตูขึ้นนำไปอย่างน่าเสียดาย จากจังหวะยิงชนเสาของมาเน่ และอีกจังหวะในนาทีต่อมาจากจังหวะเคลียร์ของกองหลังแมนฯ ซิตี้ ที่เกือบข้ามเส้น 

ลอฟเรน ได้ใบเหลืองเป็นคนแรกของเกมในนาที 20 แต่จังหวะฟรีคิกล้ำหน้าไปก่อน

เจ้าบ้านบุกหนักในช่วง 25 นาทีของเกม และขึ้นมากดดันกองหลังของลิเวอร์พูลเป็นระลอก และในนาที 28 สเตอร์ลิงได้เปิดเข้ามา แต่กองหน้าซิตี้ยิงไปติดฟาน ไดจ์ค ที่ยืนดักอยู่

กอมปานีได้รับใบเหลืองจากการเข้าสกัดซาลาห์ในนาที 31 ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกนอกกรอบระยะไกล แต่มิลเนอร์หยอดเข้าไป และไม่ได้ลุ้น เฮนเดอรืสันต้องรีบลงมาเคลียร์เพื่อสกัดจังหวะโต้กลับ จากนั้นในนาที 33 ฟาน ไดจ์ค สกัดบอลเปิดของซาเน่ออกหลังไป กรรมการเป่าให้เป็นจังหวะล้ำหน้าของซิตี้ตอนเตะมุม

เฮนเดอร์สันได้รับใบเหลืองในนาที 38 เมื่อเข้าปะทะกับซาเน่ในจังหวะโต้กลับของซิตี้

อลิสสันต้องปัดด้วยมือเดียวในนาที 40 แต่จากนั้นในจังหวะต่อมา อเกวโร่ยิงเข้าเสาใกล้เบียดเสาเข้าไปในที่สุดให้แมนฯ ซิตี้ นำ 1-0

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก 2 นาที

ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกท้ายเกมหลังมิลเนอร์ถูกสกัดกลางสนาม ก่อนที่ลิเวอร์พูลไม่สามารถตีเสมอได้ในครึ่งแรก ทำให้ซิตี้ยังนำ 1-0

เกมในครึ่งหลัง

ลิเวอร์พูลยังคงต้องรับการกดดันจากเจ้าบ้าน ที่ยังบุกต่อเนื่องในครึ่งหลัง และในนาที 51 เฟอร์มิโน่พยายามวางบอลยาวให้มาเน่พาขึ้นไปจนสุดเส้นหลัง แต่น่าเสียดายที่ถูกสกัดและไปเข้ามือเอแดร์สัน

จากนั้นในนาที 53 ซิตี้ไปขึ้นบอลทางเทรนต์ ก่อนที่จะเก็บตกบอลจังหวะสองได้ แต่แฟร์นันดินโญ่ยิงไม่เข้ากรอบ

หลังจากเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่นาน ลิเวอร์พูลได้โอกาสลำเลียงบอลขึ้นมาบ้าง ก่อนที่เทรนต์จะได้ซัดไกล แต่ไม่เข้ากรอบในนาที 56 จากนั้นคล็อปป์เปลี่ยนเอามิลเนอร์ออก ให้ฟาบินโญ่ลงมาแทน

ผ่านไป 1 ชั่วโมง ลิเวอร์พูลพยายามต่อบล แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จนการพาบอลเข้าไปใกล้กรอบเขตโทษเลย และในนาที 63 เฟอร์มิโน่ได้โอกาสยิง หลังจากเอแดร์สันหลุดตำแหน่ง แต่กอมปานีกลับสกัดไว้ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

แต่ความพยายามของลิเวอร์พูลเป็นผลในนาที 64 เมื่อเทรนต์วางบอลขวางสนามมาให้โรเบิร์ตสัน ที่เปิดเข้ามากลางให้เฟอร์มิโน่วิ่งสอดเข้ามาโหม่งเข้าไปอย่างสวยงาม

แมนฯ ซิตี้มาได้ฟรีคิกในนาที 67 แต่บอลหลุดออกหลังไปแบบไม่ได้ลุ้น

แต่แมนฯ ซิตี้ มาได้ประตูขึ้นนำ 2-1 ในนาที 72 หลังจากซาเน่ยิงไปที่เสาไกล ก่อนบอลชนเหลี่ยมในเข้าประตูไป

คล็อปป์ส่งชากิรีลงมาแทนมาเน่ในนาที 77

นาที 80 ลิเวอร์พูลพยายามขึงเกมบุก แต่ถูกโต้กลับ โดยสเตอร์ลิงส่งบอลให้อเกวโร่ลากเข้าไปในกรอบ แต่เป็นอลิสสันที่ออกมาปัดไว้ได้

จากนั้นในนาที 84 ซาลาห์แได้โอกาสยิง แต่บอลเฉี่ยวเสาออกไปเพียงนิดเดียว และในนาที 85 ที่มีจังหวะขลุกขลิกหน้าประตู แต่นักเตะลิเวอร์พูลเข้าไม่ถึงบอล

และในนาที 86 คล็อปป์ส่งสเตอร์ริดจ์ลงมาแทนไวจ์นัลดุม เพื่อเพิ่มทางเลือกในแนวรุก 

นาที 90+1 อลิสสันออกมาเซฟอีกครั้ง ก่อนที่บอลจะไปเข้าทางสเตอร์ลิงที่ตั้งป้อมซัด แต่บอลไม่เข้ากรอบ

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 5 นาที และลิเวอร์พูลไม่สามารถตีเสมอได้ ทำให้พ่ายแพ้เป็นนัดแรกของฤดูกาล