ลิเวอร์พูลเก็บสมแต้มได้สำเร็จ ในเกมที่ยากที่สุดเกมหนึ่งของฤดูกาล โดยเอาชนะคริสตัล พาเลซ ได้ไป 4-3 ในนเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่ 23 ที่แอนฟิลด์

รายชื่อนักเตะ

 11 ตัวจริง: อลิสสัน, มิลเนอร์, มาติป, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, เฮนเดอร์สัน ©, ฟาบินโญ่, เกอิต้า, มาเน่, ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่ 

สำรอง: มินโญเลต์, สเตอร์ริดจ์, โมเรโน่, ลัลลานา, ชากิรี, โอริกี และกามาโช่  

Team News อัพเดตก่อนเกม:  คล็อปป์เปลี่ยนแปลงทีม 3 ตำแหน่งจากเกมนัดก่อนเนื่องจากการบาดเจ็บของนักเตะในทีม ทั้งอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และไวจ์นัลดุม ทำให้เป็นโอกาสของเกอิต้า, มาติป และมิลเนอร์ ลงเล่นในเกมนี้ โดยที่ชากิรี มีชื่อเป็นสำรอง โดยคล็อปป์กล่าวว่า

“เรามีปัญหา 2-3 อย่าง ในระหว่างสัปดาห์ ดังนั้นผมจึงต้องหาทางแก้ปัญหา และผมก็ชอบกับวิธีแก้ปัญหานี้ มิลลีลงซ้อมในตำแหน่งนี้ตลอดสัปดาห์ เกอิต้าซ้อมได้ดี ผมจึงอยากโชว์ให้เห็นว่าผมได้เห็นอะไรแบบนั้นมา ส่วนที่เหลือก็เป็นการเลือกทีมอย่างตรงไปตรงมา เพราะทั้งจินี และเทรนต์ ไม่พร้อมในวันนี้ แค่นั้น และนั่นเป็นเหตุผลของการจัด 11 ตัวจริงในวันนี้”

จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที 34 ทาวเซนด์ยิงให้พาเลซนำ 0-1
  • นาที 46 ซาลาห์ตีเสมอให้ลิเวอร์พูล 1-1
  • นาที 53 เฟอร์มิโน่ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 2-1
  • นาที 65 ทอมกินส์โหม่งตีเสมอ 2-2
  • นาที 75 ซาลาห์ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 3-2
  • นาที 90+3 มาเน่ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 4-2
  • นาที 90+4 เมเยอร์ยิงให้พาเลซตามมา 4-3

เกมในครึ่งแรก

เกมที่ 23 ของลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีก และเป็นเกมแรกในปี 2019 ที่ทีมกลับมาเล่นที่แอนฟิลด์ เสียงเชียร์ในสนามเร่งกระตุ้นให้นักเตะทำผลงานเช่นเดิม โดยในช่วง 10 นาทีแรกลิเวอร์พูลทำเกมเข้ากดดันก่อนที่มาติปจะได้ยิงในนาที 8 แต่ไปติดผู้รักษาประตูที่ออกมาปิดเสาแรก

มาติปได้จังหวะโยนเปลี่ยนแกนมาให้โรเบิร์ตสันทางซ้ายในนาที 18 แต่โรเบิร์ตสันเปิดออกหลังไปไกล และในนาที 21 ซาลาห์ได้โอกาสพาบอลเลี้ยงเข้าไปในเขตโทษ แต่เสียดายที่ไม่มีจังหวะจบสกอร์ และในนาที 22 มาเน่ได้โหม่ง แต่ก็เข้ามือสเปโรนี่

ลิเวอร์พูลบุกอย่างต่อเนื่อง และมาติปได้โอกาสอีกครั้งในเกมจากจังหวะเตะมุม โดยโหม่งไปทางซ้าย แต่หลุดกรอบออกไปในนาที 30

จากนั้นมิลเนอร์ถูกซาโก้ปะทะล้มลง ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกนอกกรอบ ฟาน ไดจ์ค ได้โหม่ง แต่บอลแฉลบออกหลัง ลิเวอร์พูลได้เตะมุม

แต่พาเลซมาได้ประตูก่อนในนาที 34 จากจังหวะที่ซาฮากระชากบอลทางกราบซ้าย ก่อนที่จะตวัดเข้ากลางให้ทาวเซนด์ยิงเสียบมุมเข้าไป

เกมหยุดชั่วคราวในนาที 39 หลังจากจังหวะปะทะกันระหว่างซาลาห์ และซาโก้

ฟาบินโญ่ได้ยิงในนาที 44 บอลไปเข้าทางโรเบิร์ตสันที่ดีดต่อ แต่ยังเข้ามือสเปโรนี่ และในนาทีต่อมา เกอิต้าได้บอลจากโรเบิร์ตสัน แต่เปิดเบาไป

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก 2 นาที ก่อนจะเป่าจบครึ่งแรก

เกมในครึ่งหลัง

เริ่มครึ่งหลังมาได้เพียง 1 นาที ซาลาห์ตีเสมอให้ลิเวอร์พูล 1-1 ได้สำเร็จ จากจังหวะที่ฟาน ไดจ์ค ยิง ก่อนบอลแฉลบ และซาลาห์วิ่งเข้าไปชิงบอลจังหวะสองทันที และยิงด้วยข้างเท้าเข้าไป สเปโรนี่หมดสิทธิ์รับ

โรเบิร์ตสันได้ยิงไกล บอลผ่านเสาไกลออกไป ในนาที 50 แต่ในนาที 53 เฟอร์มิโน่ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 2-1 จากจังหวะแฉลบ

พาเลซได้โอกาสบุกขึ้นมาทางกราบขวาในนาที 62 และไดโอกาสผ่านเข้ากลาง แต่ฟาบินโญ่วกัดไว้ได้ และมาเน่เข้ามาช่วยเคลียร์บอลออกไป จากนั้นในนาทีต่อมา ซาฮาพยายามเลี้ยงบอลจะเจาะแนวรับลิเวอร์พูล แต่สุดท้ายมาเน่มาช่วยสกัดบอล อลิสสันออกมาตะครุบไว้ได้

พาเลซบุกหนัก และในนาที 65 ก็สามารถตีเสมอเข้าไปจากจังหวะเตะมุม จากลูกโหม่งของทอมกินส์ เกมกลับมา 2-2

คล็อปป์ส่งชากิรีลงมาแทนเกอิต้าในนาที 71

ลิเวอร์พูลมาได้ประตูนำ 3-2 ในนาที 75 จากจังหวะเปิดของมิลเนอร์ที่สเปโรนีปัดพาลด ซาลาห์วิ่งเข้ามายิงบอลให้ข้ามเส้นเข้าประตูไป

พาเลซบุกขึ้นมาอย่างน่ากลัวในนาที 80 โดยเฉพาะบอลจากซาฮาห์ที่กราบขวา นักเตะลิเวอร์พูลต้องลงมาช่วยกันตั้งรับ ชากิรีลงมาโหม่งบอลออกหลัง พาเลซได้เตะมุมแต่มมีอะไร

และจากจังหวะนั้นในนาที 82 มาเน่ได้ยิง หลังทีมเล่นโต้กลับ

มอสส์ให้ใบเหลืองมิลเนอร์ในนาที 82 จากการเข้าสกัดซาฮาห์ พาเลซได้ฟรีคิกนอกกรอบ ก่อนที่ชุบป์จะวิ่งออกมาโหม่ง แต่บอลออกหลังไป

ลิเวอร์พูลได้เตะมุมจากจังหวะโต้กลับของทีม แต่สเปโรนี่มารับบอลได้ก่อนที่ฟาน ไดจ์ค จะเข้าถึงบอล

คล็อปป์ส่งลัลลานามาแทนฟาบินโญ่ในนาที 87 หลังฟาบินโญ่ลงไปเจ็บ

มิลเนอร์มาได้ใบแดงจากเหลืองที่สองในนาที 89 หลังจากเข้าบอลช้า และไปสกัดซาฮาห์ ลิเวอร์ฑูลต้องลงเล่น 10 คน

จากจังหวะฟรีคืก ลิเวอร์พูลได้โต้กลับ มาเน่พาบอลขึ้นหน้าโดยมีซาลาห์วิ่งประคองมาในนาที 90 แต่มาเน่ตัดสินใจยิง แต่บอลเฉี่ยวเสาออกไป

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 5 นาที

ลิเวอร์พูลมาได้ประตูนำ 4-2 จากมาเน่ จากจังหวะที่โรเบิร์ตสันครองบอลก่อนจะผ่านให้มาเน่เข้าไปยิง

อีกเพียงนาทีจากนั้น เมเยอร์ยิงให้พาเลซตามมา 4-3 แต่นั่นไม่เพียงพอให้พาเลซมาแบ่งแต้มที่แอนฟิลด์

ลิเวอร์พูลคว้าสามแต้มได้ในที่สุด ทำคะแนนนำในอันดับจ่าฝูงต่อไปที่ 60 คะแนน