ลิเวอร์พูลกลับมาสู่เส้นทางแห่งชัยชนะอีกครั้ง เมื่อเปิดแอนฟิลด์ต้อนบอร์นมัธไปด้วยสกอร์ 3-0 พร้อมกลับขึ้นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก

รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: อลิสสัน, มิลเนอร์ ©, มาติป, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, ไวจ์นัลดุม, ฟาบินโญ่, เกอิต้า, มาเน่, ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่ 

สำรอง: มินโญเลต์, เฮนเดอร์สัน, สเตอร์ริดจ์, ลัลลานา, โอริกี, กามาโช่ และอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ 


Team News อัพเดตก่อนเกม: ไวจ์นัลดุมมีชื่อใน 11 ตัวจริง ในเกมกับบอร์นมัธที่คล็อปป์เปลี่ยนแปลงทีมเพียงแค่ 1 ตำแหน่ง โดยลงมาแทนลัลลานา ที่ทำหน้าที่ในเกมกับเวสต์แฮมเมื่อคืนวันจันทร์

ส่วนอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และเฮนเดอร์สัน มีชื่อบนม้านั่งสำรอง แต่ชากิรีไม่มีชื่อในเกมนัดนี้เพราะมีอาการเจ็บที่หน้าท้อง

จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที  24 มาเน่โหม่งให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0
  • นาที 34 ไวจ์นัลดุมยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 2-0
  • นาที 48 ซาลาห์ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 3-0

เกมในครึ่งแรก

ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมที่ 26 ในพรีเมียร์ลีก โดยที่ตามหลังแมนฯ ซิตี้ จ่าฝูง จากประตูได้เสีย เกมนี้จึงเป็นเกมที่สำคัญสำหรับลิเวอร์พูล ในการคว้าสามแต้มเพื่อทำคะแนนแซงขึ้นจ่าฝูงให้ได้

แต่เป็นทีมเยือนที่ได้โอกาสทักทายก่อนในช่วงนาที 2 แต่อลิสสันเซฟลูกยิงของเฟรเซอร์ หลังได้บอลมาจากไอบ์ อดีตนักเตะลิเวอร์พูลเอาไว้ได้

หลังจากพยายามขึ้นเกมบุก ซาลาห์ได้โอกาสครั้งแรกในเกม นาที 10 เมื่อปั่นบอลในกรอบ แต่ไม่โค้งพอที่จะมุดเข้ากรอบ

และในนาที 12 เฟอร์มิโน่โฉบมารับบอลจากมาเน่ก่อนตวัดยิง แต่ยังไม่หนีมือโบรุค ผู้รักษาประตู

ลิเวอร์พูลมาได้ลูกเตะมุมในนาที 23 มาเน่เปิดมาที่เสาแรกแต่ถูกเคลียร์ออกไป เกอิต้าหนุนมาให้มิลเนอร์เปิด แต่เป็นมาเน่ที่โหม่งเข้าไปในนาที 24 ให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0

ลิเวอร์พูลเล่นเกมโต้กลับ เกือบได้อีกประตู หลังไวจ์นัลดุมได้บอลในกรอบ ก่อนผ่านมาให้ซาลาห์ แต่ซาลาห์จับบอลไม่ได้ ยิงไม่มีน้ำหนัก

มาติปโชว์สกิลการวางบอลไกลให้เฟอร์มิโน่วิ่งไล่ในนาที 33 และเกือบจะทำประตูได้ แต่ในนาทีต่อมา ไวจ์นัลดุมได้บอลจากโรเบิร์ตสัน ก่อนขยับมองและชิพบอลโด่งเข้าไปอย่างเหนือชั้นให้ทีมนำ 2-0

ก่อนทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก ซาลาห์ได้บอลจากจังหวะเก็บตกและวอลเลย์แบบไม่จับ เสียดายที่ถูกเซฟไว้ได้ กรรมการทดเวลาบาดเจ็บ 2 นาที

บอร์นมัธได้บุกก่อนหมดเวลา และได้ยิง แต่บอลไม่เข้ากรอบ ก่อนที่กรรมการจะเป่าหมดครึ่งแรก

เกมในครึ่งหลัง

เริ่มครึ่งหลังได้เพียง 3 นาที ลิเวอร์พูลมาได้ประตูขึ้นนำ 3-0 หลังเฟอร์มิโน่จ่ายให้ซาลาห์ยิงผ่านมือโบรุคเข้าไปอย่างสวยงาม

อลิสสันออกมาชกบอลในนาที 51 แต่กรรมการเป่าให้เป็นจัหวะล้ำหน้าของบอร์นมัธไปก่อนหน้านี้แล้ว

มาเน่เกือบบวกประตูเพิ่ม เมื่อได้โอกาสโหม่งในนาที 56 หลังได้บอลวางมาจากไวจ์นัลดุม แต่โหม่งไม่เข้ากรอบ

มาติปต้องตามมาสกัดบอลจากไอบ์ออกหลังไปในนาที 58 ก่อนที่ลูกเตะมุมในจังหวะต่อมาจะล้นออกหลัง

จากนั้นโซลันกีถูกเปลี่ยนลงมาแทนไอบ์ และแฟนๆ ในสนามแอนฟิลด์ต่างปรบมือต้อนรับการกลับมาของเขาหลังเพิ่งย้ายไปร่วมทีมบอร์นมัธเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกนอกกรอบในนาที 60 มิลเนอร์เล่นลูกสูตรกับซาลาห์ ก่อนที่ซาลาห์จะปั่นไปติดบล็อก ลิเวอร์พูลได้เตะมุม แต่มาติปฟาวล์ จึงไม่ได้ลุ้น

ซาลาห์เกือบทำประตูได้เพิ่มในนาที 76 เมื่อซาลาห์วิ่งตัดเข้ากรอบ ก่อนจะปั่นด้วยซ้าย แต่น่าเสียดายที่บอลชนคานเต็มๆ จากนั้นอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ลงมาแทนไวจ์นัลดุม

อลิสสันเซฟในนาที 78 จากจังหวะยิงของมูเซ่ จากนั้นลิเวอร์พูลได้โต้กลับ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถจบสกอร์ รวมทั้งในนาที 80 ที่เกอิต้าขึ้นมาเติม แต่ยิงข้ามคาน

เฟอร์มิโน่ยังไม่สามารถบวกสกอร์ได้หลังจากโรเบิร์ตสันจ่ายบอลจากครึ่งสนามมาให้ แต่ยิงเบาเกินไปในนาที 87 จากนั้นคล็อปป์ส่งโอริกีลงมาแทนมาเน่ ที่ทำผลงานได้ดีโดยยิงประตูติดต่อกัน 4 นัด

เทรนต์ได้ยิงในนาที 90 หลังเฟอร์มิโน่จ่ายบอลให้อย่างงาม แต่โบรุคก็ยังเซฟไว้ได้

คล็อปปส่งสเตอร์ริดจ์ลงมาแทนเฟอร์มิโน่ ก่อนกรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 4 นาที

โซลันกี้ได้โอกาสพลิกบอลแตะหนีโรเบิร์ตสันในนาที 90+2 แต่บอลเฉี่ยวเสาออกไปแบบได้ลุ้น และนั่นไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งลิเวอร์พูลไม่ให้กลับสู่ตำแหน่งจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีก