Match Report: ลิเวอร์พูลเปิดแอนฟิลด์ต้อนเบิร์นลีย์ 4-2
ลิเวอร์พูลโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมด้วยการเปิดแอนฟิลด์ถล่มเบิร์นลีย์ไปด้วยสกอร์ 4-2
รายชื่อนักเตะ
11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, มาติป, ฟาน ไดจ์ค ©, โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ่, ไวจ์นัลดุม, ลัลลานา, มาเน่, ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่
สำรอง: มินโญเลต์, ลอฟเรน, เกอิต้า, เฮนเดอร์สัน, สเตอร์ริดจ์, ชากิรี และโอริกี
Team News อัพเดตก่อนเกม: ลัลลานา และเฟอร์มิโน่ กลับมามีชื่อใน 11 ตัวจริง และเป็นนักเตะสองตำแหน่งที่คล็อปป์เปลี่ยนจากเกมกับเอฟเวอร์ตัน ซึ่งคล็อปป์ให้ความเห็นว่า “เขาซ้อมได้ดีมาสักพักแล้ว แต่วีคนี้ซ้อมได้ดีมากเป็นพิเศษ และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงได้ออกสตาร์ต”
จังหวะสำคัญในเกม
- นาที 6 เวสต์วู้ดโหม่งให้เบิร์นลีย์นำไปก่อน 0-1
- นาที 19 เฟอร์มิโน่ตีเสมอให้ลิเวอร์พูล 1-1
- นาที 29 มาเน่ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 2-1
- นาที 67 เฟอร์มิโน่ยิงให้ลิเวอร์พูล 3-1
- นาที 90+1 กุดมันด์สันยิงให้เบิร์นลีย์ตามมา 3-2
- นาที 90+3 มาเน่ยิงให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 4-2
เกมในครึ่งแรก
ในเกมที่ 30 ของลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์ ทีมตามหลังแมนฯ ซิตี้ 4 แต้ม แต่แข่งน้อยกว่าหนึ่งนัด จึงบีบให้ลิเวอร์พูลต้องคว้า 3 แต้ม เพื่อคงช่องว่าง 1 คะแนนต่อไปเป็นอย่างน้อยที่สุด แต่เมื่อเริ่มเกม กลับเป็นเบิร์นลีย์ที่ได้ประตูขึ้นนำก่อนจากจังหวะเตะมุม หลังจากมาติปโหม่งออกหลัง จากนั้นเวสต์วู้ดโหม่งเข้าไป และอลิสสันได้รับใบเหลือง จากการท้วงกรรมการ
หลังจากเสียประตู ลิเวอร์พูลมาได้โอกาสในนาที 14 หลังเฟอร์มิโน่ยิงแต่บอลแฉลบ แต่ข้ามคาน แต่จากจังหวะต่อเนื่องหลังจากนั้น จบที่มาเน่โหม่งออกไปแบบไม่ได้ลุ้น
ในที่สุดลิเวอร์พูลมาได้ประตูตีเสมอในนาที 19 จากจังหวะผ่านบอลเข้ากลางของซาลาห์ ที่เลี้ยงจี้เข้าใน แล้วผ่านบอลผ่านผู้รักษาประตูและกองหลังมาที่เฟอร์มิโน่เข้าฮอร์สไปอย่างไม่พลาด
จากจังหวะที่ลัลลานาเข้าไปแท็คเกิลสูง บอลกระฉอกมาที่ซาลาห์ ก่อนที่จะไปเข้าทางมาเน่ที่ปั่นเข้าเสาไกลอย่างสวยงามให้ลิเวอร์พูลนำ 2-1 ในนาที 29
ซาลาห์เกือบบวกได้อีกประตูในนาทีต่อมา แต่น่าเสียดายที่ถูกบล็อก แต่ในขณะเดียวกันในนาที 33 ฟาน ไดจ์ค ต้องสกัดบอลในจังหวะสุดท้ายทิ้งออกไป และอลิสสันออกมาชกบอลไว้ได้
ลิเวอร์พูลมาได้ฟรีคิกในนาที 37 แต่อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยิงโด่งออกไป
ทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก 3 นาที
เกมในครึ่งหลัง
คล็อปป์ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงทีมในครึ่งหลัง และในนาที 53 สามประสานได้ทำเกมรุก โดยมาเน่ไหลบอลให้เฟอร์มิโน่ ก่อนที่จะกึ่งยิงกึ่งผ่านไปหน้าประตู หวังให้ซาลาห์เข้าฮอร์ส แต่บอลแรงไปนิดเดียว
ในช่วงนาที 67 ไวจ์นัลดุมเกือบได้โอกาสทำประตู แต่น่าเสียดายที่บอลแรงไป แต่ในวินาทีต่อมา ซาลาห์ได้บอลขึ้นบุกอีกก่อนยิงแล้วโดนสกัด แต่บอลไหลมาเข้าทางเฟอร์มิโน่ที่วิ่งเข้ามายิงเข้าไปโล่งๆ ให้ทีมนำ 3-1
เมื่อได้ประตูนำ คล็อปป์ส่งเฮนเดอร์สันลงมาแทนไวจ์นัลดุมในนาที 68
มาเน่ได้โอกาสยิงในนาที 75 แต่บอลแฉลบออกหลัง ลิเวอร์พูลได้เตะมุมต่อจากนั้นแต่ทีมเล่นสั้น และเทรนต์โยนออกข้างไป
คล็อปป์ส่งเกอิต้าลงมาแทนลัลลานาในนาที 77
ลิเวอร์พูลเกือบได้ประตูในนาที 82 เมื่อเทรนต์ได้เปิดเข้าไปในกรอบ มาเน่วิ่งเข้ามาชาร์จก่อนที่บอลจะชนคานออกไปอย่างน่าเสียดาย
ลิเวอร์พูลขึ้นบุกอย่างไม่ลดละ และมาเน่ไหลบอลให้โรเบิร์ตสันที่วิ่งเติมเข้ามา แต่ถูกสกัดไว้ได้
ในช่วงท้ายของเกม สเตอร์ริดจ์ลงมาแทนอาร์โนลด์ในนาที 86 และในนาที 88 ซาลาห์ได้ยิงบ้าง แต่ยังไม่ผ่านมือ
แต่ก่อนหมดเวลาในนาที 90+1 กุดมันส์สันยิงให้ทีมเยือนตีขึ้นมา 3-2
แต่มาเน่ก็ทำประตูปิดกน่องให้ในนาที 90+3 เมื่อแตะบอลหนีมือผู้รักษาประตูก่อนยิงเข้าไปอย่างเหนือชั้น