ตั๋วในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของแชมเปียนส์ลีกคือเดิมพันในค่ำคืนนี้ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับบาเยิร์น มิวนิก ที่จะชี้ชะตากันที่อัลลิอันซ์ อารีนา ในค่ำคืนวันพุธนี้

และเราได้เลือก 3 ตัวแปรสำคัญที่อาจจะชี้เป็นชี้ตายเกมในเยอรมนี...

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี v เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี คือดาวซัลโวตลอด 4 ฤดูกาลหลังสุดของบาเยิร์น 2017-18 (41), 2016-17 (43), 2015-16 (42), 2014-15 (25) และเขาเพิ่งทำสอองประตูในเกมถล่มโวล์ฟสบวร์ก 6-0 สร้างสถิติใหม่เป็นดาวยิงต่างชาติที่ทำประตูมากที่สุดในประวัติศาสตร์บุนเดสลกี

อดีตกองหน้าดอร์ทมุนด์ทำไปแล้ว 196 ประตูในลีกสูงสุดเยอรมนี แซงเคลาดิโอ ปิซาร์โร่กองหน้าชาวเปรูวัย 40 ปีที่ตอนนี้เล่นบุนเดสลีกาเป็นฤดูกาลที่ 20 เขาในวัย 30 ปีคือเบอร์ 9 แบบคลาสสิก มีความอันตรายจากสัญชาตญานในการหาตำแหน่ง และทำประตูในเขตโทษได้ทั้งสองเท้า และยังมีทีเด็ดในเรื่องลูกกลางอากาศ

แม้จะไม่มีส่วนกับผลเสมอ 0-0 ในแอนฟิลด์ แต่นักเตะที่น่าจะมีส่วนสำคัญในการหยุดยั้งเลวานดอฟสกี คือเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ยักษ์ใหญ่ในแนวรับของลิเวอร์พูลที่เพิ่งคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนของสโมสรจากสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

กัปตันทีมชาติฮอลแลนด์เป็นนักเตะเอาต์ฟิลด์ที่ลงสนามมากกว่าใครในทีมหงส์แดงที่เก็ล 19 คลีนชีตจาก 36 เกมในทุกรายการ

โดยเฉพาะความโดดเด่นในการเข้าสกัด แย่งลูกกลางอากาศ ความนิ่งในการเล่นบอลทั้งสองเท้า เขาจะกลับมาสร้างความอุ่นใจให้แผงหลังของลิเวอร์พูลกับภารกิจในมิวนิก

“คุณต้องตระหนักถึงคุณภาพของศูนย์หน้าทุกๆ คนที่คุณเผชิญหน้า อย่างที่ผมเป็นมาเสมอ แต่บางครั้งคุณก็ต้องฉลาดหน่อย และพร้อมมากกว่า 100 เปอร์เซ็นต์สำหรับเรื่องใดๆ ก็ตาม” เขากล่าวกับ UEFA.com.

ฮาเมส โรดริเกซ v ฟาบินโญ่

ฟาบินโญ่รับบทเซ็นเตอร์แบ็กจำเป็นในเลกแรกที่แอนฟิลด์ แต่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น และทำให้บาเยิร์นยิงเข้ากรอบไม่ได้เลยในเกมดังกล่าวเป็นครั้งแรกตั้งแต่รอบรองชนะเลิศ เลกแรกในบาร์เซโลนาปี 2015 เขาจะกลับมายืนกองกลางตัวรับในเกมนี้ และเป็นตำแหน่งที่เป็นหัวใจใน 6 เกมหลังสุดในพรีเมียร์ลีกที่ทีมเสียไปเพียง 3 ประตู

ฮาเมส โรดริเกซน่าจะคู่แข่งโดยตรงของเขา เมื่อขาดว่าเขาจะลงเป็นส่วนยอดของสามประสานในแดนกลางที่มีติอาโก้ อัลกันตาร่า และฆาบี มาร์ติเนซร่วมด้วย นักเตะวัย 27 ปีสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้ยิง 3 ครั้งในแอนฟิลด์จากโอกาสอันน้อยนิดในเกมนั้น และทำไป 2 แอสซิสต์ และ 1 ประตูในสามเกมบุนเดสลีกาหลังสุด

กองกลางยืมตัวรายนี้เคยอยู่ในแชมเปียนส์ลีกกลุ่มเดียวกับลิเวอร์พูลมาก่อน โดยเป็นเรอัล มาดริดทีมแม่ของเขาในฤดูกาล 2014-15 และเขายังยิงหงส์แดงไม่ได้เลยจากโอกาสที่ได้ 3 ครั้ง

ราฟินญ่า v ซาดิโอ มาเน่

การที่โจชัว คิมมิชได้ใบเหลืองในแอนฟิลด์ แปลว่าเขาจะพลาดเกมนัดนี้ และเปิดโอกาสให้ราฟินญ่าวัย 33 ปี ที่ถูกมองว่าเป็นตัวแทนที่เชื่อใจได้ หลังรับหน้าที่ฟูลแบ็กตัวเสริมแทนนักเตะอย่างฟิลิปป์ ลาห์ม และดาวิด อลาบา มาตลอด 8 ปีที่อยู่กับสโมสร

เขาเล่นบอลได้ดี และจ่ายบอลอย่างแม่นยำ มีความสารพัดประโยชน์จนได้ลงเล่น 19 เกมในฤดูกาลนี้ รวมถึง 90 นาทีเต็มในเกมล่าสุดที่บาเยิร์นถล่มโวล์ฟสบวร์ก 6-0 และตอนนี้ในฤดูกาลที่ 14 ในยุโรป เจ้าของแชมป์ยูฟา แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2012-13 อาจจะต้องนำประสบการณ์ทั้งหมดมาใช้หยุดคู่ต่อสู้ที่กำลังท็อปฟอร์ม

ซาดิโอ มาเน่ ของลิเวอร์พูลทำไป 8 ประตูจาก 9 นัดหลังสุดในทุกรายการ และเป็นรองแค่โมฮาเหม็ด ซาลาห์ในตารางดาวซัลโว รวมถึงเพิ่งทำ 2 ประตูในชัยชนะ 4-2 เหนือเบิร์นลีย์สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรียกความมั่นใจก่อนเดินทางไปเยอรมนี

โดยปกติ เขาจะได้ทำเกมทางด้านซ้าย ความเร็ว เทคนิคของเขาจะถูกนำมาใช้ทดสอบราฟินญ่โดยตรง และน่าจะเป็นเกมการต่อสู้ที่น่าสนใจ