ลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ของรายการแชมเปียนส์ลีก เมื่อบุกไปคว้าชัยที่อัลลิอันซ์ สเตเดียม ของบาเยิร์น มิวนิก ด้วยสกอร์ 3-1

รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, มาติป, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, มิลเนอร์, ไวจ์นัลดุม, เฮนเดอร์สัน ©, มาเน่, ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่ 

สำรอง: มินโญเลต์, ฟาบินโญ่, ลอฟเรน, สเตอร์ริดจ์, ลัลลานา, ชากิรี  และโอริกี

Team News อัพเดตก่อนเกม: คล็อปป์ปรับทีมสองตำแหน่งจากเกมที่แล้ว โดยมิลเนอร์และเฮนเดอร์สันกลับมามีชื่อในทีม ส่วนลัลลานา และฟาบินโญ่ กลับไปอยู่บนม้านั่งสำรอง

จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที  26 มาเน่ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 0-1
  • นาที 39 มาติปทำเข้าประตูตัวเองตีเสมอให้บาเยิร์น 1-1
  • นาที 69 ฟาน ไดจ์ค โหม่งให้ลิเวอร์พูลนำ 1-2
  • นาที 84 มาเน่โหม่งให้ลิเวอร์พูลนำ 1-3

เกมในครึ่งแรก

ลิเวอร์พูลมาเยือนบาเยิร์น มิวนิก ในเกมเลกที่ 2 ของรายการแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย

ในช่วงเริ่มเกม เจ้าบ้านขึ้นเพรสหนัก และในนาที 8 ติอาโก้มีโอกาสได้ยิงจากจังหวะที่เฟอร์มิโน่เคลียร์ไม่ดี แต่ข้ามคาน และจากนั้นนาที 11 เลวานดอฟสกีล้มลงในเขตโทษหลังจากเบียดกับฟาน ไดจ์ค แต่กรรมการไม่ได้เป่าเป็นจุดโทษ

ทีมลิเวอร์พูลจำต้องเปลี่ยนตัวก่อนในนาที 13 เมื่อเฮนเดอร์สันเล่นต่อไปไม่ไหว โดยฟาบินโญ่ต้องลงมาทำหน้าที่แทน

ลิเวอร์พูลพยายามต่อบอลขึ้นหน้า โดยเริ่มจากเฟอร์มิโน่ที่แทงให้โรเบิร์ตสันที่ขึ้นมาเติม ก่อนที่จะไหลให้มาเน่ แต่จังหวะสุดท้ายที่มาเน่วางบอลเข้าไปในกรอบ ลึกเข้ามือนอยเออร์

แต่ลิเวอร์พูลมาได้ประตูขึ้นนำ ในนาที 26 หลังมาเน่ได้บอลที่วางยาวมาจากฟาน ไดจ์ค ก่อนโยกหลอกนอยเออร์ ก่อนที่จะยิงเข้าไปอย่างเหนือชั้น 1-0

เมื่อบาเยิร์นเสียประตู ก็พยายามดันขึ้นเพื่อบุกกดดัน แต่ในขณะเดียวกันลิเวอร์พูลพยายามฉวยโอกาสทางซ้ายทำเกมโต้กลับขึ้นมา โดยในนาที 34 นอยเออร์ต้องปัดบอลจากโรเบิร์ตสันที่เข้ามาเติมในกรอบ

ไม่นานบาเยิร์นก็ได้ประตูตีเสมอจากจังหวะฟรีคิกที่กานาบรีหนีโรเบิร์ตสัน ก่อนเปิดเข้ากลาง มาติปที่เบียดกับเลวานดอฟสกีสกัดเข้าประตูตัวเองให้บาเยิร์นตีเสมอ 1-1

ฮาเมสถูกฟาบินโญ่สกัดล้มลง กรรมการให้เป็นจังหวะฟรีคิก และให้ใบเหลืองมิดฟิลด์ลิเวอร์พูลรายนี้ในช่วง 2 นาทีก่อนหมดครึ่งแรก แต่อลิสสันรับลูกยิงฟรีคิกไว้ได้

ในช่วงก่อนจบครึ่งแรก บาเยิร์นรุกได้อย่างน่ากลัว เลวานดอฟสกีได้หลุดเดี่ยว จากจังหวะเฟอร์มิโน่ถูกแย่งบอลที่กลางสนาม หลังแตะบอลหนีอลิสสันแต่แตะบอลยาวไป เทรนต์วิ่งเข้ามาซ้อนได้ทัน แต่กรรมการเป่าให้เป็นลูกล้ำหน้าไปก่อนแล้ว

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรกแค่ 2 นาที

เกมในครึ่งหลัง

เริ่มต้นไม่ถึง 5 นาที ซาลาห์ได้ยิง แต่ถูกนอยเออร์ทุบออกข้างไว้ได้ และหลังจากนั้นลิเวอร์ฑูลพยายามลำเลียงบอลขึ้นหน้า แต่ไม่มีจังหวะยิง

บาเยิร์นพยายามชิงจังหวะจากการบุกของลิเวอร์พูเพื่อโต้กลับบ้าง ในนาที 58 เลวานดอฟสกีถูกชนล้มลง ก่อนกรรมการให้ฟรีคิก แต่มาติปวิ่งเบียดมาสกัดบอลไว้ได้ จากนั้นในนาที 60 ลิเวอร์พูลรอดการเสียประตู จากจังหวะกนาบรีได้โอกาสผ่านบอลมาหน้าประตู แต่เลวานดอฟสกีไม่สามารถเข้าชาร์จได้ทัน

มาติปได้รับใบเหลืองในนาที 62 หลังเข้าสกัดเลวานดอฟสกีจากข้างหลัง บาเยิร์นได้ฟรีคิก แต่ล้ำหน้า

หลังจากตั้งรับอยู่สักพัก ลิเวอร์พูลได้เตะมุมบ้างในนาที 67 และเป็นนอยเออร์ที่เหิรมาปัดบอลก่อนที่มาติปจะได้โขก และเป็นฟาน ไดจ์ค ที่ได้ขึ้นโหม่งจากจังหวะเตะมุมครั้งที่ 2 โดยโขกลูกเตะมุมของเทรนต์ลงพื้นและเข้าไปอย่างสวยงาม ลิเวอร์พูลกลับมานำอีกครั้ง

ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกในนาที 77 แต่ไม่มีจังหวะจบสกอร์ ในขณะที่บาเยิร์นรีบดันขึ้นสูงเพื่อขึ้นบุก และในนาที 78 เลวานดอฟสกีขึ้นเบียดกับฟาน ไดจ์ค ที่พยายามโหม่งสกัด อลิสสันออกมาเก็บบอล

คล็อปป์ส่งโอริกี ลงมาแทนเฟอร์มิโน่ ในนาที 83

ลิเวอร์พูลมาได้ประตู 1-3 ตอกย้ำชัยชนะในนาที 84 จากประตูของมาเน่ หลังจากโหม่งบอลที่ซาลาห์วางมาให้ได้อย่างเหมาะเหม็ง ก่อนที่คล็อปป์จะส่งลัลลานามาแทนมิลเนอร์

ก่อนเกมจบโรเบิร์ตสันได้รับใบเหลืองในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้จะพลาดในเกมรอบแรกในรอบควอเตอร์ ไฟนัล

จะมีการจับฉลากประกบคู่ในวันศุกร์นี้