ลิเวอร์พูลจะกลับมาทำภารกิจของพวกเขาในแชมเปียนส์ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ เลกแรกกับเอฟซี ปอร์โต้ ที่แอนฟิลด์ในค่ำคืนวันอังคารนี้

หลังจากเพียงปีเศษที่หงส์แดงเขี่ยทีมของเซร์จิโอ คอนเซเซา ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย พวกเขาจะพบกับอีกครั้งเพื่อแย่งสิทธิ์ในการเข้าไปพบกับบาร์เซโลนา หรือแมนฯ ยูไนเต็ดในรอบรองชนะเลิศ

นี่คือ 3 ตัวแปรสำคัญที่อาจจะตัดสินผลการแข่งขันในค่ำคืนวันพรุ่งนี้...

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน v ดานิโล่

ฟอร์มของจอร์แดน เฮนเดอร์สันในการลงเป็นตัวสำรองเกมชนะเซาท์แฮมป์ตัน 3-1 วันศุกร์ที่ผ่านมา น่าจะทำให้เกิดคำถามว่ากัปตันทีมจะได้ลงเล่นในตำแหน่งใดมากกว่า หลังจากเคยยืนลึกในแผงกองกลางของเจอร์เก้น คล็อปป์ แต่เขาได้ลงเป็นตัวรุกในเกมที่เซนต์ แมรีส์ ที่ยิง 1 จ่าย 1 ช่วยให้ทีมกลับไปนำจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีก

ไม่ว่าตรงไหนที่เขาลงเล่นในค่ำคืนวันอังคารนี้ เฮนเดอร์สันหวังจะทำผลงานได้ดี เหมือนรอบที่แล้วกับบาเยิร์น มิวนิก ที่แอนฟิลด์ ที่เขามีสถิติดีที่สุดในทีมทั้งจ่ายบอล (72), จ่ายบอลในแดนของคู่แข่ง (41), เข้าสกัด(4) และเก็บบอลคืนกลับมา (8)

เฮนเดอร์สันน่าจะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับดานิโล่ เปเรยร่า กองกลางโปรตุเกสที่ลงเล่นทุกๆ นาทีในแชมเปียนส์ลีกจนถึงเวลานี้ โดยนักเตะวัย 27 ปีมีสถิติการจ่ายบอลสำเร็จมากที่สุดในทีมของเขาในรายการนี้ (89 เปอร์เซ็นต์) และมีแค่เอคตอร์ เอร์เรร่าเพื่อนร่วมทีมที่วิ่งมากกว่าเขาที่ 85.8 กม.ตลอด 8 เกมที่ผ่านมา และดานิโล่ต้องเจอความรับผิดชอบที่มากขึ้นในแอนฟิลด์ เมื่อเอร์เรร่าติดโทษแบนในเกมนี้ และเป็นครั้งแรกในรายการนี้ที่ทั้งคู่ไม่ได้ลงตัวจริงร่วมกัน

เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค v มุสซ่า มาเรก้า

ในขณะที่ติกินโญ่ ซัวเรซ คู่หูในแดนหน้าทำไป 17 ประตูทุรายการในฤดูกาลนี้ มุสซ่า มาเรก้า เป็นดาวยิงในแชมเปียนส์ลีก ของปอร์โต้ในฤดูกาลนี้ เขาทำไป 6 ประตูจาก 7 เกมในรายการนี้ รวมถึงประตูที่เขี่ยโรม่าในช่วงต่อเวลาพิเศษ หลังจากแอสซิสต์ให้ติกินโย่ ต้นเกมเลกที่สอง แม้ว่าประตูดังกล่าวจะเป็นเพียงลูกที่ 2 ในปีปฏิทินนี้กับสโมสรก็ตาม

หากปอร์โต้จัดหน้าคู่ลงเล่น มาเรก้า ที่อยู่ด้านขวาน่าจะต้องเจองานหนักในการดวลกับเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ที่อยู่ฝั่งซ้ายในฐานะกองหลังตัวกลาง โดยฟอร์มที่สม่ำเสมอของนักเตะรายนี้มีส่วนสำคัญในผลงานที่ยอดเยี่ยมสำหรับทีมของคล็อปป์ นอกจากเกรับแล้วเขายังมีส่วนสำคัญในเกมรุกจากรอบที่ผ่านมา เมื่อทั้งจ่ายบอลให้ซาดิโอ มาเน่ ทำประตู และขึ้นไปโหม่งประตูในอัลลิอันซ์ อารีน่าเมื่อ 4 สัปดาห์ก่อน

โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ v เฟลิเป้

โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ เรียกฟอร์มกลับมาในช่วงเวลาที่เหมาะสม ในขณะที่ลิเวอร์พูลกำลังลุ้นความสำเร็จในพรีเมียร์ลีก และแชมเปียนส์ลีก เขาทำไป 3 ประตู และ 2 แอสซิสต์ใน 5 เกมหลังสุดที่ลงเล่นให้หงส์แดง โดยเฉพาะการเล่นแบบไม่เห็นแก่ตัว และใส่พานให้เฮนเดอร์สันทำประตูท้ายเกมในการเยือนเซาท์แฮมป์ตัน นอกจากนี้เขายังยิงไป 7 ประตูจาก 7 เกมหลังสุดที่แอนฟิลด์ ที่หวังว่าจะเพิ่มสถิติ 2 ประตูในรายการนี้ให้มากขึ้นในการเจอกับปอร์โต้

การจะทำได้แบบนั้นเขาต้องเล่นให้เหนือว่าเฟลิเป้เพื่อนร่วมชาติ ซึ่งการที่เปเป้นักเตะมากประสบการณ์ติดโทษแบน ทำให้เขาน่าจะรับภาระหนัก หากปอร์โต้ที่รักษาคลีนชีตได้เพียงเกมเดียวในแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาลนี้ และไม่สามารถทำได้นอกบ้านเลย

กองหลังส่วนสูง 6 ฟุต 3 นิ้ว ตอนนี้อยู่กับทีมจากโปรตุเกสเป็นฤดูกาลที่ 3 และเขาเคยหยุดเฟอร์มิโน่ และลิเวอร์พูลในแอนฟิลด์มาแล้วในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เลกที่ 2 ในปี 2018 หลังจากพลาดเกมพ่าย 0-5 ในเลกแรก