ลิเวอร์พูลเก็บชัยชนะนัดแรก ในเกมแชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยการเอาชนะปอร์โต้ ไปด้วยสกอร์ 2-0 ที่แอนฟิลด์

รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ลอฟเรน, ฟาน ไดจ์ค, มิลเนอร์, ฟาบินโญ่, เฮนเดอร์สัน©, เกอิต้า, ซาลาห์, มาเน่, และเฟอร์มิโน่ 

สำรอง: มินโญเลต์, ไวจ์นัลดุม, โกเมซ, สเตอร์ริดจ์, ชากิรี, โอริกี และมาติป


Team News อัพเดตก่อนเกม:  คล็อปป์ส่งลอฟเรนลงมาแทนมาติป และโกเมซมีชื่อเป็นตัวสำรองเป็นครั้งแรกหลังจากบาดเจ็บ และเฮนเดอร์สัน และมิลเนอร์ลงเป็นตัวจริง โดยคล็อปป์กล่าวถึงการตัดสินใจครั้งนี้ว่า

“เดยันลงซ้อม 3-4 วีคแล้ว โจลงเล่นหลายเกม ดังนั้นการใช้คนที่สด และพลังอย่างลอฟเรน นั่นเป็นสิ่งที่เราเปลี่ยนแปลง

“โจน่าขะได้ลงเล่น 2-3 นาที ในเกมปิดประตูอุ่นเครื่อง แต่อัลเบร์โต้ไม่พร้อมสำหรับสำรอง และเราไม่ได้มีสำรองในฝั่งแบ็กซ้ายมากนัก นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมโจจึงอยู่ในทีม”

“เฮนโด้ลงเล่นในแผงมิดเฟิลด์ และนั่นดีสำหรับจินี ด้วยความเข้มข้นของเกมใน 2-3 เกมหลัง ซึ่งเขามีปัญหาหลังแข็งนิดหน่อยใน 2-3 วันที่ผ่านมา นั่นคือสถานการณ์”

จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที   5 เกอิต้ายิงให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0
  • นาที 26 เฟอร์มิโน่ยิงให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 2-0
  •  

 

เกมในครึ่งแรก

ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมแรกในแชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยการรับการมาเยือนของทีมปอร์โต้ที่แอนฟิลด์ ในเกมเลกแรก และเมื่อเริ่มเกมไม่นาน เกอิต้าทำประตูให้ทีมขึ้นนำตั้งแต่นาที 5 เมื่อได้บอลเปิดมาจากซ้ย ก่อนซัดและบอลแฉลบเข้าไป

หลังจากได้ประตูแรกต้นเกม ลิเวอร์พูลมีโอกาสที่ใกล้เคียงมากอีกครั้งในนาที 22 แต่ลูกแปของซาลาห์เฉี่ยวเสาออกไปเพียงนิดเดียว แต่ในนาที 26 ลิเวอร์พูลมาได้ประตู 2-0 หลังเฮนเดอร์สันจ่ายฉีกให้อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่วิ่งขึ้นเติมมาทางขวา ก่อนปาดเข้ากลางให้เฟอร์มิโน่ยิงอย่างง่ายๆ

อลิสสันเซฟต้องเซฟลูกยิงของมาเรก้าด้วยขา หลังปอร์โต้หลุดเข้ามาในกรอบ ก่อนจะปัดบอลออกหลังในนาที 29 แต่จากจังหวะเตะมุม อลิสสันเซฟลูกวอลเลย์ของมาเรก้าอีกครั้ง

เฮนเดอร์สันเล่นได้โดดเด่นในค่ำคืนนี้ และวางบอลอย่างแม่นยำในนาที 34 แต่น่าเสียดายที่เฟอร์มิโน่ตั้งป้อมวอลเลย์ แต่บอลหลุดกรอบไป และในนาทีต่อมา ซาลาห์เกือบพลิกบอลได้ แต่ฟาวล์ไปก่อน

ลิเวอรืพูลเล่นโต้กลับได้อย่างน่ากลัวในนาที 39 จากการเปิดบอลของเทรนต์ไปยังเฮนเดอร์สัน ก่อนจะโยนโด่งให้เฟอร์มิโน่ แต่น่าเสียดายที่ไม่ผ่านกองหลังทีมเยือนที่เข้ามาสกัด

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรกเพียง 1 นาที

 

เกมในครึ่งหลัง

ลิเวอร์พูลส่งบอลเข้าประตูไปในนาที 48 หลังเฮนเดอร์สันวางบอลให้มาเน่วิ่งเข้ามาแป แต่กรรมการให้เป็นจังหวะล้ำหน้า

แต่หลังจากนั้นลิเวอร์พูลต้องตกเป็นฝ่ายรับ ตั้งแต่จังหวะที่ฟาน ไดจ์ค และอลิสสันปะทะกันในจังหวะเคลียร์บอลในนาที 50 แต่ลิเวอร์พูลก็พยายามเล่นโต้กลับจากการออกบอลของเฮนเดอร์สันที่วางให้ซาลาห์ แต่บอลเข้ามือกาซิยาส

ปอร์โต้ได้โอกาสยิงในนาที 69 แต่อลิสสันรับไว้ได้สบาย ก่อนที่ลิเวอร์พูลจะบุกกลับและมาเน่ได้ปั่นไปที่เสาไกล แต่ไม่เข้ากรอบในนาที 70

คล็อปป์เปลี่ยนตัวเป็นครั้งแรกในเกมในนาที 73 โดยส่งโอริกีลงมาแทนมาเน่ และสามารถเรียกฟรีคิกได้ในนาที 74

มาเรก้ายังคงพยายามอย่างหนักเพื่อยิงประตู แต่ลอฟเรนเข้าบีบ จึงทำให้เขายิงหลุดกรอบออกไปในนาที 78

คล็อปป์ส่งสเตอร์ริดจ์ลงมาแทนเฟอร์มิโน่ในนาที 81 และในนาที 84 มีจังหวะเบียดกันในกรอบของลิเวอร์พูล กรรมการจึงหยุดเกมเพื่อพิจารณาก่อนที่จะเล่นต่อโดยให้เป็นลูกเปิดของปอร์โต้

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บ 3 นาที

ก่อนหมดเวลา เกอิต้าได้พาบอลเข้าไป แต่ถูกสกัดออกมาในนาที 90 จากนั้นทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรเพิ่มได้ ลิเวอร์พูลจึงเป็นฝ่ายเก็บชัยชนะในเกมเลกแรก ก่อนมาพบกันอีกครั้งในสัปดาห์หน้าที่บ้านของปอร์โต้