ลิเวอร์พูลจะเปิดบ้านรับการมาเยือนของเชลซีในบ่ายวันอาทิตย์ ในเกมพรีเมียร์ลีกซึ่งมีความหมายสำหรับทั้งสองทีมในการต่อสู้เพื่อแย่งแชมป์และเพื่อพื้นที่แชมเปียนส์ลีก

6 จาก 11 เกมล่าสุดที่ทั้งสองสโมสรพบกันในทุกรายการ ผลจบลงด้วยสกอร์ 1-1 เกมล่าสุดนี้อาจถูกตัดสินด้วยสกอร์ที่ใกล้เคียงกันมาก

นี่คือการต่อสู้ในสามจุดสำคัญที่อาจตัดสินผลการแข่งขันได้...

โรแบร์โต เฟอร์มิโน่ v ดาวิด ลุยซ์

ความรู้สึกในฐานะเพื่อนร่วมชาติบราซิเลียนระหว่างโรแบร์โต เฟอร์มิโน่ และ ดาวิด ลุยซ์ จะถูกเก็บไว้ก่อนในเวลา 90 นาทีของวันอาทิตย์นี้

เฟอร์มิโน่ ได้โชว์หนึ่งในฟอร์มการเล่นอันทรงอิทธิพลที่สุดของเขาในฤดูกาล ในเกมรองควอเตอร์ ไฟนัล ของรายการแชมเปียน์ลีก นักแรกกับเอฟซี ปอร์โต เมื่อวันอังคาร

เขาจ่ายบอลอย่างไม่เห็นแก่ตัวให้นาบี เกอิต้า ทำประตูแรกของเกม ก่อนจะจิ้มบอลเข้าประตูจากการครอสของเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เป็นประตูที่สอง ในท้ายที่สุด การเคลื่อนที่ซึ่งเขามีส่วนสำคัญทางซ้าย และผ่านบอลให้จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ทำประตู

นักเตะหมายเลข 9 ยังคงหาทางทำประตูใน 5 เกมพรีเมียร์ลีกกับเชลซี ย้อนไปตั้งแต่เดือนตุลาคม 2015 แต่ฟอร์มอันยอดเยี่ยมของเขาที่แอนฟิลด์ล่าสุด คือ ทำ 7 ประตูจาก 6 เกมลีกล่าสุดของลิเวอร์พูล ซึ่งครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีที่จะเริ่มทำประตูใส่เชลซีเสียที

ในการลงเล่นป็นครั้งที่สองให้ทีมในถิ่นสแตมฟอร์ด บริจด์ โดยลุยซ์เป็นหนึ่งในรายชื่อแรกบนทีมชีตของซาร์รีในฤดูกาลนี้ โดยลงเล่นตัวจริงไปแล้ว 31 จาก 33 นัดในพรีเมียร์ลีก และเก็บได้ 13 คลีนชีต ในตำแหน่งเซ้นเตอร์แบ็คคู่กับอันโตนิโอ รูดิเกอร์

อดีตกองหลังปารีส แซง-แชร์กแมง ยังขึ้นชื่อในการเล่นเกมรุกอย่างมั่นใจ โดยทำไปแล้ว 2 ประตู กับ 2 แอสซิสต์ในลีกตั้งแต่ซาร์รีเข้ามาคุมทีมในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ซึ่งอาจต้องใช้สัญชาติญาณเหล่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับพลังในการกดดันอย่างไม่หยุดยั้งของเพื่อนร่วมชาติ

นาบี เกอิต้า v เอ็นโกโล ก็องเต้

มิดฟิลด์บางคนอย่างเอ็นโกโล ก็องเต้ ก็ได้พิสูจน์ประสิทธิภาพของเขาแล้ว เมื่อเอาชนะคู่แข่งในตำแหน่งมิดฟิลด์ในพรีเมียรืลีกในฤดูกาลล่าสุด ในฐานะนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี 2016-17

แต่มิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศสอาจมีงานล้นมือ ในการเจอกับกองกลางลิเวอร์พูล ที่ทำประตูสำคัญอย่างต่อเนื่องทั้งในเกมเยือนเซาธ์แฮมป์ตัน และเปิดบ้านรับเอฟซี ปอร์โต

ลงเล่นในบทบาทใหม่ทางขวาในแผงสามมิดฟิลด์ของซาร์รีในฤดูกาลนี้ คู่แข่งของก็องเต้โดยตรง คือ ผู้ชายในชั่วโมงนี้อย่างเกอิต้า ซึ่งผ่านมาเกือบทั้งฤดูกาลโดยไม่ทำประตู แล้วทันใดนั้น ก็มาทำสองประตูในสองเกม จากลูกโหม่งที่เซนต์ แมรี จนถึงลูกยิงมุมบนที่ฝั่งอัฒจันทร์แอนฟิลด์ โร้ด เมื่อวันอังคาร

“เขาพบทางของเขาในเกมนั้น (กับเซาธ์แฮมป์ตัน)” เจอร์เก้น คล็อปป์ กล่าวในงานแลงข่าวก่อนเกมเมื่อวันศุกร์ “ดังนั้น มันทำให้เกิดความรู้สึกที่จะทำมันอีกในการเจอปอร์โตและเขาก็แสดงออกซึ่งหลายสิ่งที่เราจะเห็นอีกมากในอนาคต”

ด้วยการมีเฮนเดอร์สันที่อยู่อีกข้าง นักเตะชาวกินีได้เป็นเชื่อมเกมที่สำคัญระหว่างแดนกลางและแดนหน้าในทั้งสองเกม ยังจัดการเก็บบอลไว้ด้วยความใจเย็นของเขา โดยมีสถิติผ่านบอลสำเร็จถึง 87.8 เปอร์เซ็นต์  ดีกว่าเซ็นเตอร์แบ็คอย่างโจเอล มาติป และเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว

การผ่านบอลของก็องเต้ แชมป์ฟุตบอลโลกก็เป็นไปในทำนองเดียวกันกับที่ได้รับคำอนุญาตในการเล่นเกมรุกในฤดูกาลนี้ โดยผ่านบอลสำเร็จ 85.7 เปอร์เซ็นต์ ในแดนของลิเวอร์พูล เมื่อทั้งสองทีมเสมอกัน 1-1 ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในช่วงต้นฤดูกาล

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ V เอแด็ง อาซาร์ด

ไม่มีนักเตะในพรีเมียร์ลีกคนใดมีส่วนร่วมในการทำประตูมากไปกว่าเอแด็ง อาซาร์ด ผู้ซึ่งทำไป 16 ประตูและ 12 แอสซิสต์ ตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาลในเดือนสิงหาคมปีก่อน

แฟนบอลลิเวอร์พูลไม่จำเป็นต้องได้รับการย้ำเตือน ถึงอันตรายของนักเตะทีมชาติเบลเยี่ยมหลงจากประตูส่วนตัวอันยอดเยี่ยมที่เขาทำเพื่อตัดสินเกมรายการคาราบาว คัพ ในเดือนกันยายน ที่แอนฟิลด์

บรรดาเดอะ ค็อป สามารถมั่นใจได้จากความจริงที่เขาจะมาสู้กับกองหลังลิเวอร์พูลซึ่งย้ำเตือนถึงสถิติที่อย่างไรเสียก็มีความแข็งแกร่งที่สุดในดิวิชั่นแล้ว

ไม่ว่าซาร์รีจะใช้อาซาร์ดในตำแหน่งดั้งเดิมของเขาหรือทางปีกซ้าย หรือศูนย์หน้าตัวต่ำ นักเตะหมายเลข 10 นั้งก็ชอบที่จะเลี้ยงบอลไปทางกว้างของสนาม ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในวันนั้น แต่อาซาร์ดจะต้องระวังเช่นกันกับสิ่งที่ฟูลแบ็คเยาวชนสามารถทำที่อีกฝั่งของสนาม

จากที่ทำไปแล้ว 8 แอสซิสต์รวมทุกรายการ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ได้มีส่วนกับทั้งสองประตูในสองเกม ด้วยการเปิดให้เกอิต้าโหม่งทำประตูในการเจอกับเซาธ์แฮมป์ตัน และเปิดให้เฟอร์มิโน่ในเกมกับปอร์โต

นักเตะจากอะคาเดมีรายนี้สร้างสรรค์การสัมผัสบอลในแดนคู่แข่งไป 37 ครั้งในเกมเมื่อปีที่แล้ว มากเป็นอีนดับสี่ในวันนั้น และหวังที่จะรักษาอิทธิพลในเกมรุกของเขาขณะเดียวกันก็ช่วยหยุดยั้งอาซาร์ดไปพร้อม ๆ กัน