ลิเวอร์พูลไล่ล่าสามแต้มมาได้สำเร็จ พร้อมกลับคืนสู่จ่าฝูงอีกครั้งหลังเอาชนะคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ด้วยสกอร์ 2-0

รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, มาติป, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, ไวจ์นัลดุม, เฮนเดอร์สัน©, เกอิต้า, มาเน่, ซาลาห์, และเฟอร์มิโน่ 

สำรอง: มินโญเลต์, ฟาบินโญ่, มิลเนอร์, โกเมซ, สเตอร์ริดจ์, ชากิรี และโอริกี

Team News อัพเดตก่อนเกม: เฟอร์มิโน่กลับมาสู่ 11 ตัวจริง เช่นเดียวกับเฮนเดอร์สัน และเกอิต้า ส่วนโอริกี, ฟาบินโญ่ และมิลเนอร์ กลับไปเป็นตัวสำรองที่เกมเยือนคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้     

จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที  57 ไวจ์นัลดุมยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 0-1
  • นาที 81 มิลเนอร์ยิงจุดโทษให้ลิเวอร์พูลนำ 0-2

 

เกมในครึ่งแรก

เกมนัดที่ 35 ของลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีก เป็นการไปเยือนคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ที่กำบังต่อสู้เพื่อหนีตกชั้น โดดยในเกมนี้ลิเวอร์พูลจำเป็นต้องคว้า 3 คะแนนเพื่อกลับสู่จ่าฝูง หลังแมนฯ ซิตี้ เก็บแต้มเต็มจากเกมกับท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เมื่อวานนี้

ในช่วง 5 นาทีแรก ลิเวอร์พูลเปิดเกมรุกเข้าใส่ ก่อนที่บอลโยนของเฮนเดอร์สันจะถูกสกัดออกหลัง ลิเวอร์พูลได้เตะมุม แต่ถูกสกัดไว้ได้ เทรนต์ที่วิ่งเข้าไปแย่งถูกเตะบอลอัดออกหลังไป

ลิเวอร์พูลยังพยายามทำเกมรุกเพื่อทำประตูแรกในเกม และซาดิโอมาเน่ได้โอกาสยิงไกลในนาที 13 แต่ยังไม่เข้าเป้า แต่ในนาที 15 ฮอยเลตต์ ของคาร์ดิฟฟ์ได้ยิง แต่โรเบิร์ตสันเข้าบล็อกไว้ได้อย่างหวุดหวิด

ทีมเยือนทำเกมบุกเป็นระลอก และเฟอร์มิโน่พลาดโอกาสทองในนาที 22 เมื่อปั่นโล่งๆ หน้าประตู แต่บอลไม่เข้ากรอบ รวมทั้งในนาที 28 ที่ซาลาห์พยายามล็อกหลบก่อนจ่ายให้เฮนเดอร์สัน แต่สุดท้ายบอลล้นไปไม่มีจังหวะ รวมทั้งในนาที 31 ที่มาเน่พยายามเข้าชาร์จแต่ไม่เข้ากรอบ

ซาลาห์ได้โอกาสสองครั้งติดต่อกัน เมื่อได้พลิกบอลอย่าสวยในนาที 34 ก่อนผู้รักษาประตูจะเซฟด้วยขา ลิเวอร์พูลได้เตะมุม แต่กรรมการเป่าฟาวล์เสียก่อน และในนาที 36 ซาลาห์ได้บอลหลุดเดี่ยวแต่กองหลังคาร์ดิฟฟ์กรูกันเข้ามาบีบจนเสียบอล

อลิสสันต้องออกแรงปัดลูกวอลเลย์ในนาที 44 ก่อนที่ซาลาห์จะได้บอลและเล่นโต้กลับ แต่ปีเตอร์โหม่งลูกเปิดของเทรนต์ออกหลังไป

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก 2 นาที และลิเวอร์พูลได้ฟรีคิก แต่เทรนต์เตะไปติดกำแพง ครึ่งแรกจึงเสมอกัน 0-0

เกมในครึ่งหลัง

คล็อปป์ยังไม่เปลี่ยนนักเตะในครึ่งหลัง และเป็นคาร์ดิฟฟ์ที่ได้โอกาสโหม่งก่อรแต่บอลโด่งเกินไปในนาที 49 และในนาที 51 มาเน่ได้โอกาสยิง แต่บอลเฉี่ยวกรอบไปเพียงนิดเดียว

หลังจากพยายามอยู่นาน เมื่อเกมเกือบจะครบ 1 ชั่วโมง ลิเวอร์พูลมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 อย่างสวยงามจากจังหวะที่เทรนต์เปิดเตะมุมมาให้ไวจ์นัลดุมวางเท้าวอลเลย์เข้าไปอย่างสวยงามในนาที 57

จากนั้นลิเวอร์พูลมาได้ฟรีคิกทางกราบซ้ายในนาที 59 บอลมาถึงเกอิต้าได้ยิง แต่ถูกบล้อก แล้วคาร์ดิฟฟ์ก็ได้โต้กลับ ฮอยเลตต์ได้ยิง แต่อลิสสันคว้าบอลไว้ได้ในนาที 60 และในนาที 61 เฮนเดอร์สันได้บอลโล่งๆ ในกรอบ แต่ยิงโด่งออกไป

อลิสสันชกบอลพลาด แต่มอริสสัน นักเตะของคาร์ดิฟฟ์ก็เข้าโหม่งบอลไม่ถึง ในนาที 64 ลิเวอร์พูลรอดจากการเสียประตูอย่างหวุดหวิด

คล็อปป์ส่งฟาบินโญ่ลงมาแทนเกอิต้าในนาที 71 แต่ในนาที 72 เกมหยุดชั่วคราวจากจังหวะปะทะที่ศรีษะ ฟาบินโญ่ลงไปเจ็บ และต้องเปลี่ยนมิลเนอร์ลงมาแทน

ฟาน ไดจ์ค เตะบอลออกไป ลิเวอร์พูลตั้งรับอย่างตึงเครียด และในนาที 77 เฮนเดอร์สันต้องเข้ามาเตะบอลออกหลัง

ลิเวอร์พูลพยายามตัดบอลและเล่นเกมโต้กลับโดยมาเน่ ก่อนที่จะยิงถูกบล็อกบอลออกหลัง ลิเวอร์พูลได้เตะมุม แต่ไม่มีจังหวะเข้าทำ

ซาลาห์ได้ครองบอลในกรอบในนาที 80 ก่อนที่จะถูกมอริสสันรวบล้มลง และเป็นมิลเนอร์ที่ยิงเข้าไปในนาที 81 ให้ลิเวอร์พูลนำ 2-0

ก่อนจบ 90 นาที ซาลาห์ได้ยิงหลังจากการประสานงานกันอย่างยอดเยี่ยม แต่น่าเสียดายที่ถูกเซฟโดยเอเธอริดจ์

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 3 นาที และสุดท้ายลิเวอร์พูลก็สามารถเก็บ 3 แต้มสำคัญเพื่อกลับไปสู่ตำแหน่งจ่าฝูงไว้ได้