ความปรารถนาที่จะชูถ้วยแชมเปียนส์ลีกของเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค นั้น ถูกเติมเชื้อไฟด้วยการที่ลิเวอร์พูลพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีกไปอย่างหวุดหวิด

ชัยชนะเหนือวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 2-0 ที่แอนฟิลด์ เมื่อวันอาทิตย์ เป็นการการันตีว่าหงส์แดงจะปิดฉากฤดูกาลการแข่งขันในประเทศด้วยการทำลายสถิติที่ 97 คะแนน ซึ่งน้อยกว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพียงแค่คะแนนเดียว

ตอนนี้ สมาธิของทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ หันไปอยู่ที่กรุงมาดริด ที่ซึ่งพวกเขาจะพยายามทำให้ดีกว่าเมื่อ 12 เดือนที่แล้ว ที่กรุงเคียฟ ด้วยการเอาชนะท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เพื่อคว้ารางวัลที่ใหญ่ที่สุดในฟุตบอลระดับสโมสรยุโรป

"ขอแสดงความยินดีกับซิตี้ พวกเขาคู่ควรกับมันด้วยการมีแต้มเหนือกว่าหนึ่งคะแนน มันเป็นการแข่งขันเพื่อถ้วยแชมป์ที่ยอดเยี่ยมมาก และผมสนุกสนานกับทุกอณูของมัน" ฟาน ไดจ์ค กล่าว

"แต่เราต้องมองในแง่บวก และจำไว้ว่าเรายังอยู่ในเกมที่มาดริด หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะสามารถจบฤดูกาลในตำแหน่งที่สูง นั่นคือสิ่งที่เรากำลังพยายามและทำอยู่

"'สิ้นหวัง' น่าจะเป็นคำที่ถูกต้อง ผมคิดว่า พวกเราทุกคนจะผิดหวังนิดหน่อย เพราะเราใกล้มากๆ การเก็บได้ 97 คะแนน การเล่นฟุตบอลแบบที่เราได้เล่นมาตลอดฤดูกาล เราต้องภูมิใจกับมันมากๆ

"ผมไม่สนใจความคิดเห็นอื่นๆ แต่เราทำงานกันอย่างหนักทุกๆ วัน เพื่อให้การแข่งขันมันสูสีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ซิตี้ดีกว่าเรานิดหน่อย และนั่นก็คือฟุตบอลเช่นกัน

"มันไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว เราเก็บเกี่ยวสิ่งต่างๆ มากมาย เราจะสานต่อ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะสามารถท้าชิงได้ในปีหน้า และทำได้ดีกว่านี้

หลังจากได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี จากการโหวตของนักเตะด้วยกัน เมื่อเดือนที่แล้ว ฟาน ไดจ์ค ยังคว้ารางวัลนักเตะพรีเมียร์ลีกยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการยอมรับถึงผลงานอันยอดเยี่ยมของเขาตลอดฤดูกาล 2018-19

อย่างไรก็ตาม นักเตะชาวดัตช์ยินดีที่จะจดจำฤดูกาลในฐานะทีม มากกว่าความสำเร็จโดยส่วนตัว

"มันเป็นเกียรติอย่างยิ่ง เป็นเกียรติยศอันยิ่งใหญ่ แต่ผมคงจะแลกมันกับถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกเดี๋ยวนี้เลย" ฟาน ไดจ์ค กล่าว

"การได้รับการยอมรับสำหรับสิ่งที่ผมได้ทำในฤดูกาลนี้นั้นเป็นเรื่องดีเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะกองหลัง แต่ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับทุกคนที่อยู่รอบๆ ตัวผม และถ้าหากไม่มีคนอื่นๆ ที่คอยทำงานกับผม และลงเล่นกับผม มันก็คงเป็นไปไม่ได้

"แม้กระทั่งทีมงานเบื้องหลังที่เมลวู้ด ผู้คนที่ทำงานที่นั่น และผู้คนที่อยู่รอบๆ พวกเรา ล้วนแล้วแต่สำคัญมากๆ"