สเตอร์ริดจ์: ทุกคนมีบทบาทในเกมที่มาดริด
ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาบ่งบอกกับ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ว่าสมาชิกทุกคนในทีมลิเวอร์พูลต้องพร้อมกับสถานการณ์พิเศษทุกๆ อย่างที่อาจจะเกิดขึ้นในกรุงมาดริด
หงส์แดงจะลงเล่นเกมชิงชนะเลิศ แชมเปียนส์ลีกกับท็อตแนม ฮอตสเปอร์ในวันเสาร์หน้าที่เอสตาดิโอ เมโทรโปลิตาโน่ และก่อนหน้านี้ทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ต้องใช้ความแข็งแกร่งของขุมกำลังที่มี โดยเฉพาะในรอบรองชนะเลิศ ที่ดิว็อค โอริกีเป็นหนึ่งในฮีโร่ที่ช่วยทำประตูให้ทีมผ่านบาร์เซโลนาเข้ารอบมาได้
และสเตอร์ริดจ์เข้าใจถึงความสำคัญที่นักเตะทุกคนต้องมีสภาพจิตใจที่พร้อมในการ ‘สร้างความแตกต่าง’ หากถูกเรียกใช้งานในเกมวันที่ 1 มิ.ย.
“การที่จะประสบความสำเร็จคุณต้องใช้ทีมที่มี ทุกๆ คนมีบทบาทในการเล่น” ศูนย์หน้าชาวอังกฤษกล่าวกับ Liverpoolfc.com ระหว่างการเข้าแค้มป์ฝึกซ้อมในมาร์เบย่า
“ถ้าคุณมองดูรอบชิงชนะเลิศในหลายๆ ปี ที่ผ่านมา มีนักเตะที่ไม่ค่อยจะได้ลงเล่นเกมต่างๆ มากนักที่ลงมาทำประตู หรือช่วยให้ทีมชาติเอาชนะทัวร์นาเมนต์ต่างๆ หรือนัดชิงชนะเลิศสำหรับทีมต่างๆ นักเตะที่ไม่ได้เป็นตัวจริงก็ลงมา และสร้างความแตกต่างได้เช่นกัน”
“ดังนั้นมันเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคนที่ต้องปรับตัวเข้ากับทุกๆ อย่างที่จำเป็นสำหรับทีมในการประสบความสำเร็จในสัปดาห์หน้า”
ทริปเยือนมาดริดจะเป็นการเข้าชิงถ้วยยุโรปครั้งที่ 3 ของลิเวอร์พูลในยุคของคล็อปป์ ในระยะเวลาไม่ถึง 4 ปี โดยก่อนหน้านี้สเตอร์ริดจ์เคยทำประตูในนัดชิงชนะเลิศ ยูโรปา ลีก ปี 2016 แม้ว่าหงส์แดงจะก้าวหน้าอย่างมากตั้งแต่เกมที่บาเซิล แต่นักเตะชาวอังกฤษยอมรับว่าถ้วยรางวัลยังเป็นตัวกั้นเขากับความพึงพอใจใดๆ
“มันพัฒนาอย่างมาก แต่ประเด็นหลักคือทุกๆ คนต้องการประสบความสำเร็จ และคว้าถ้วยรางวัล” สเตอร์ริดจ์กล่าว
“ผมรู้สึกว่าเราต้องก้าวไปอีกขั้น และผลักดันไปอีกระดับ การคว้าถ้วยรางวัล ถือเป็นอุปสรรคสำคัญที่สุด ที่จะปลดปล่อยชัยชนะให้มากยิ่งขึ้น เพราะว่าคุณรู้วิธีที่จะชนะ นั่นคือเรื่องที่เราขาดไปในช่วงเวลานี้ การก้าวข้ามอุปสรรคสุดท้ายคือการคว้าถ้วยรางวัลแรกภายใต้การคุมทีมของผู้จัดการทีม”
เขายังวิเคราะห์ถึงนัดชิงชนะเลิศกับสเปอร์สที่ทีมเอาชนะได้ทั้งสองเกมในลีกฤดูกาลนี้ว่า “ผมเคยผ่านนัดชิงชนะเลิศกับลิเวอร์พูล และเชลซีมาแล้วเช่นกัน กับเชลซีตอนที่ชนะรายการต่างๆ มันเป็นชัยชนะที่หวุดหวิด และมันเหมือนกันตอนที่คุณแพ้”
“มีนัดชิงชนะเลิศไม่มากนักที่ทีมเหนือกว่าในเกมอย่างสิ้นเชิง และไล่ถล่มทีมคู่แข่ง มันน้อยมากที่คุณจะเจอแบบนั้น”
“ทุกอย่างมันเกี่ยวกับช่องว่างเล็กน้อยเหล่านี้ และความพยายามเอาชนะความยากลำบากต่างๆ ทีมอื่นๆ จะได้เล่นมากกว่าคุณในบางครั้ง และมันเกี่ยวกับกับตั้งรับเป็นหนึ่งเดียว และเมื่อคุณมีโอกาสต้องคว้าให้ได้เช่นกัน มันมักจะเป็นอย่างนี้เสมอในนัดชิงชนะเลิศ และผมไม่คิดว่ามันจะเปลี่ยนไป”