ไม่มีความวิตกกังวล สำหรับ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค จากการที่เขาเตรียมความพร้อมสำหรับการลงเล่นนัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลแชมเปียนส์ลีก เป็นหนที่ 2 ติดต่อกันร่วมกับลิเวอร์พูล

เขาเรียกมันว่า 'รายการใหญ่' โอกาสที่จะชดเชยหลังจากความพ่ายแพ้ให้กับเรอัล มาดริดในเคียฟเมื่อ 12 เดือนก่อน และเป็นโอกาสที่จะสลัดเอาความผิดหวังของการขาดเพียงแค่คะแนนเดียวเท่านั้นในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกไปได้โดยทันที

แต่ผู้เล่นชาวดัตช์ ซึ่งมีความสุขุมรายนี้ไม่รู้สึกถึงความกดดันของโอกาสที่มี

"ในวันเหล่านี้มันเป็นความตื่นเต้นมากกว่าความกังวล" ฟาน ไดจ์คบอกกับ The Guardian "แม้กระทั่งก่อนเกมแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศเมื่อฤดูกาลก่อน ผมไม่รู้สึกกังวลแต่อย่างใด ผมผ่อนคลายมากๆ ผมเป็นแบบ 'ออกไปลุย, จงทำแบบนี้'"

"ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไรหรอก มันแค่เป็นบางสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา และมันคือ สิ่งที่ผมมีความสุขมากๆ กับมัน หากคุณมีความกังวลคุณจะคิด 'ผมไม่ต้องการที่จะสร้างความผิดพลาดหรือออกบอลเสีย' แต่หลังจากนั้นคุณจะจำกัดคุณภาพต่างๆ ของตัวคุณเอง"

"ตลอดช่วงเวลาหลายปี ผมได้พัฒนาชุดความคิดที่ว่า ในชีวิตมีอีกหลายๆ สิ่งที่สำคัญมากกว่า"

ทว่าในช่วงดึกของวันอังคารที่ 7 พฤษภาคมมันคงจะถูกต้องกับการบอกว่ามันไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้น

ค่ำคืนดังกล่าวฟาน ไดจ์ค และหงส์แดงประสบความสำเร็จกับสิ่งที่ถูกอธิบายว่า เป็นภารกิจที่เป็นไปไม่ได้เลยนั่นก็คือการหักล้าง 3 ประตู ซึ่งเสียเปรียบให้แก่บาร์เซโลน่าในแชมเปียนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ

'ไม่เคยยอมแพ้' เป็นสโลแกนซึ่งอยู่บนเสื้อเชิ้ตของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์

ความหวังดังกล่าวเปลี่ยนไปสู่ความเป็นไปได้จากการที่เวลาดำเนินไปและประตูต่างๆ ไหลมา ดิว็อค โอริกี กับประตูแรก, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุมกับประตูที่ 2 และ 3, และโอริกีทำได้อีกครั้งกับประตูที่ 4 ที่มีความสำคัญมาก

"ผมไม่สามารถจะนอนหลับได้มากนัก [หลังจบเกม] อาจจะนอนได้แค่ 2 ชั่วโมง มันบ้าคลั่งจริงๆ" ฟาน ไดจ์ครำลึก

"นับจากช่วงเวลาที่เรามาถึงสนามคุณมีความรู้สึกว่า มันสามารถจะเป็นบางสิ่งที่พิเศษได้ เมื่อ ดิว็อค โอริกี ทำประตูนั้นตั้งแต่เนิ่นๆ คุณจะรู้สึกถึงความเชื่อ"

"ทุกๆ สิ่งสมบูรณ์แบบในค่ำคืนนั้น มันไม่เหมือนกับว่า เรามีโชค เราคู่ควรกับมันอย่างแท้จริง เพราะไม่ว่าใครก็ตามแต่จะบอกว่าทีมที่ตามหลังบาร์เซโลน่า 3-0 จะไม่ทำมันได้ [ลิโอเนล] เมสซี่จะทำประตูได้ และหากพวกเขาทำหนึ่งประตูมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่เราทำมันได้"

"มันบ้าคลั่ง คุณไม่สามารถจะอธิบายมันได้อย่างแท้จริง หวังว่าตอนนี้เราจะสามารถจบมันได้ และทำให้ความทรงจำมันใหญ่โตมากยิ่งกว่าเดิม"

วันเสาร์หน้าท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์รอลิเวอร์พูลอยู่ในนัดชิงชนะเลิศที่เอสตาดิโอ เมโทรโปลิตาโน่ สนามของแอตเลติโก มาดริด

ช่องว่าง 3 สัปดาห์ระหว่างบทสรุปของฤดูกาลพรีเมียร์ลีก การแข่งขันอย่างไม่ยอมอ่อนข้อของลิเวอร์พูล สำหรับการลุ้นแชมป์ลีกกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และนัดตัดสินแชมเปียนส์ลีกอนุญาตให้มีมุมมองในการพิจารณาสิ่งต่างๆ

"มันจะเป็นความเจ็บปวดหากคุณแพ้ แต่มันไม่ใช่จุดจบของโลก สิ่งเดียวเท่านั้นที่เราสามารถจะทำได้คือ การทุ่มเททุกๆสิ่ง และไม่มีความเสียใจ หากพวกเขาเป็นทีมที่ดีกว่า" ฟาน ไดจ์คกล่าว

"เราไม่ได้คิดเกี่ยวกับการแพ้หรือวิธีการที่เราจะเอาชนะกำแพงนี้ของการพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีกไปเพียง 1 คะแนนแล้วหลังจากนั้นการแพ้แชมเปียนส์ลีก นั่นไม่ได้มีค่าให้คิดถึง ผมกำลังคิดเกี่ยวกับการเล่น เพื่อที่จะใช้ความสามารถที่ดีที่สุดของเราด้วยผู้เล่นเก่งๆของเราทุกคนและประสบการณ์"

"ผมอ่านมาว่า หากเราคว้าแชมป์แชมเปียนส์ลีก 2 เกมถัดไปของเรา [จาก 3 เกม] คือคอมมูนิตี้ ชิลด์ และยูโรเปียน ซูเปอร์ คัพ เราสามารถจะชนะ 3 ถ้วยใน 3 เกมได้ มันคือบางสิ่งที่เรามองหา"

"ในพรีเมียร์ลีกเราใกล้เคียง แต่ตอนนี้เรามีโอกาสที่จะคว้าแชมป์แชมเปียนส์ลีกซึ่งเป็นรายการใหญ่ เรากำลังจะให้ทุกๆ สิ่งที่เรามีกับมัน"