ทัศนคติที่น่ายกย่องของดิว็อค โอริกี มีผลต่อบทบาทของเขาในทีมลิเวอร์พูลในช่วงท้ายฤดูกาล ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลในท้ายที่สุดตามความเห็นของนีล เมลเลอร์ อดีตกองหน้าหงส์แดง

ผลงานของเขาเป็นตัวอย่างการเล่นที่ไม่เห็นแก่ตัวในหมู่นักเตะในทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ หลังจากเป็นฮีโร่ทำสองประตูในเกมคัมแบ็กกลับมาเอาชนะบาร์เซโลนาในรอบรองชนะเลิศ และลงเป็นตัวสำรอง และทำประตูในเกมเอาชนะท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ช่วยให้หงส์แดงคว้าแชมป์ยูโรเปียน คัพ สมัยที่ 6

โอริกีปิดฤดูกาลด้วยการทำ 7 ประตู เป็นรองเพียงโรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่ และโมฮาเหม็ด ซาลาห์เท่านั้น

“มันบ่งบอกหลายอย่างที่ตัวสำรองของลิเวอร์พูลช่วยทำไป 17 ประตูในฤดูกาลนี้ รวมถึงหนึ่งประตูในนัดชิงชนะเลิศ” เมลเลอร์ที่เป็นสมาชิกในชุดแชมป์ยูฟา แชมเปียนส์ลีก ปี 2005 กล่าวในเล่มล่าสุดของลิเวอร์พูลรายเดือน

“มันแสดงให้เห็นถึงความคิดที่มีอยู่ภายทีม แม้ว่านักเตะจะรู้สึกผิดหวังที่มีชื่อบนม้านั่งสำรอง พวกเขายังคงลงมา และโชว์ฟอร์มอย่างเต็มที่”

“ทัศนคติที่นักเตะเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพของพวกเขา และนั่นเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะหากผู้เล่นสำรองแสดงให้เห็นถึงความผิดหวัง และโชว์ฟอร์มไม่ออก มันจะมีผลเสียอย่างมหาศาลในห้องแต่งตัว”

“ดิว็อค โอริกี เป็นตัวอย่างที่ดี เขาต้องคิดเสมอว่า เขาอยู่ในลำดับหลังๆ และไม่ได้เวลาลงเล่นเกมมากนัก แต่เขาทำงานหนักต่อไปในการฝึกซ้อมเพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้จัดการทีม และโค้ช”

โอริกีทำประตูสำคัญจากลูกยิงในนาทีที่ 96 ในเกมเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี ที่แอนฟิลด์ แต่เขาทำผลงานในช่วงท้ายฤดูกาลนั้นเป็นผลตอบแทนของความพยายามของเจ้าของเสื้อเบอร์ 27 ตามความเห็นของเมลเลอร์

“คล็อปป์ส่งเขาลงเล่นในเกมกับเอฟเวอร์ตันที่แอนฟิลด์ก่อนหมดเวลา 6 นาที และเขาทำประตูชัยในนาทีที่ 96 ลองมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่นั้น” เขากล่าว

“เขาลงมาทำประตูชัยในเกมเยือนนิวคาสเซิล ทำสองประตูในรอบรองชนะเลิศที่คัมแบ็กเอาชนะบาร์เซโลนา 4-0 และตอนนี้เขาทำประตูให้ลิเวอร์พูลในชัยชนะแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ”

“นั่นคือ ช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่สำหรับนักเตะทุกคน ดังนั้นจึงต้องให้เครดิตสำหรับเขา ที่ไม่ยอมแพ้ในฐานะนักเตะลิเวอร์พูล เขาเคยเห็นตอนที่ย้ายออกไปยืมตัว มันไม่ดีนักเมื่อคุณออกจากลิเวอร์พูล ซึ่งเขามุ่งมั่นจะพิสูจน์ว่าเขาคู่ควรจะอยู่ที่นี่ต่อไป”

“นั่นสะท้อนให้เห็นถึงช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ที่เขามี”