ลิเวอร์พูลจะลุ้นชูถ้วยยูฟา ซูเปอร์ คัพ เป็นสมัยที่ 4 เมื่อพวกเขาพบกับเชลซีในอิสตันบูล

โดยหงส์แดงเป็นทีมอังกฤษทีมล่าสุดที่คว้าแชมป์รายการนี้ในปี 2005 ที่พวกเขาเอาชนะซีเอสเคเอ มอสโก 3-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ และการเจอกับทีมของแฟร้งค์ แลมพาร์ดในครั้งนี้จะเป็นการพบกับเชลซีครั้งที่ 11 ในฟุตบอลยุโรป และเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี

โดมินิก เรย์นอร์ นักข่าวจากเว็บไซต์สโมสรได้เลือก 3 ตัวแปลสำคัญที่จะตัดสินเกมนัดนี้...

เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค v โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี 2019 ของลิเวอร์พูลประเดิมฤดูกาลใหม่ในพรีเมียร์ลีกด้วยสิติอันยอดเยี่ยมทันทีในเกมชนะนอริช ซิตี้ 4-1 ด้วยการเป็นผู้นำแผงหลังหงส์แดงจากการเข้าสกัด (3), สกัดทิ้ง (3), ตัดบอล (5), ชนะในการดวล (88.9 เปอร์เซ็นต์) และจ่ายบอล (57) ยังไม่รวมการบัญชาการที่เป็นเครื่องหมายการค้าของเขาตลอดช่วงเวลาในแอนฟิลด์

คู่แข่งของเขาน่าจะเป็นกองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสที่ทำประตูแรกในเกมที่เชลซีเอาชนะอาร์เซนอล 4-1 ในนัดชิงชนะเลิศ ยูโรปา ลีก มากกว่าแทมมี อบราฮัม หลังจากเป็นเพียงตัวสำรองในเกมกับแมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งด้วยส่วนสูง 6 ฟุต 3 นิ้วทำให้เขาชนกับฟาน ไดจ์คได้ตรงๆ และน่าจะลงเป็นหน้าเป้าที่ต้องต่อสู้ในการแย่งบอลกลางอากาศ และจ่ายบอลให้เพื่อนได้ลุ้นยิง

ชิรูด์มีสถิติทำ 105 ประตูจาก 253 เกมให้กับอาร์เซนอล และ 18 ประตูให้ทีมปัจจุบันจนถึงเวลานี้

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน v จอร์จินโญ่

จอร์จินโญ่ที่ยืนต่ำในแดนกลางในฤดูกาลที่แล้ว มีสถิติจ่ายบอลมากที่สุด (3,118) และจับบอล (3,551) มากกว่าใครในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว รวมกับเทคนิคอันแพรวพราว และการจ่ายบอลในพื้นที่แคบๆ เขาเป็นจุดเริ่มต้นในการทำเกมของทีม และตอนนี้กับระบบ 4-2-3-1 นักเตะวัย 27 ปี สามารถขึ้นเกมรุกได้ง่ายขึ้นไม่ว่าจะลงเล่นเคียงข้าง เอ็น’โกโล่ ก็องเต้ หรือมาเตโอ โควาซิช ที่จะช่วยปิดพื้นที่ให้

ในค่ำคืนวันพุธนี้จอร์จินโญ่น่าจะได้รับมือกับจอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมลิเวอร์พูลที่รับหน้าที่ทำเกมสูงอีกครั้งในการเจอกับนอริช หลังได้โอกาสในช่วงปลายฤดูกาลที่แล้ว และเป็นคนจ่ายบอลให้ซาดิโอ มาเน่ทำประตูแรกในเกมชนะเชลซี 2-0 ที่แอนฟิลด์ในฤดูกาลที่ผ่านมา

เจ้าของเสื้อเบอร์ 14 ทำเพิ่มอีก 4 แอสซิสต์ และหนึ่งประตูระหว่าง 10 เกมสุดท้ายของฤดูกาล และในเกมกับนอริชเขาจ่าย 40 จาก 54 ครั้งในแดนคู่ต่อสู้ มากกว่าทุกคนในสนาม และยิงเข้ากรอบ 2 ครั้งเป็นรองแค่โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ซึ่งการดวลกันโดยตรงของเขากับจอร์จินโญ่น่าจะเป็นการตัดสินว่า ใครจะคุมจังหวะเกมได้ในนัดนี้

ซาดิโอ มาเน่ v เซซาร์ อัซปิลิก้วยต้า

ซาดิโอ มาเน่ เพิ่งกลับมายังเมลวู้ดในวันจันทร์ที่แล้ว หลังช่วยเซเนกัลเข้าถึงนัดชิงแชมป์ทวีป แต่ดูไม่มีปัญหาอะไรกับ 15 นาทีที่ลงไปเคาะสนิมในเกมกับนอริชเมื่อวันศุกร์ และมีลุ้นลงเล่นแทนดิว็อค โอริกี ในฐานะตัวริมเส้นฝั่งซ้าย โดยความเร็ว และลีลาที่เป็นเครื่องหมายการค้าของเขา ส่งผลให้เขาทำได้ 26 ประตู และ 5 แอสซิสต์ในฤดูกาลที่แล้ว

เขาน่าจะได้เผชิญหน้าโดยตรงกับเซซาร์ อัซปิลิก้วยต้ากัปตันทีมเชลซี ฟูลแบ็กที่สามารถเล่นเซนเตอร์แบ็กตามธรรมชาติได้ อาจจะทำให้เขาขยับเข้ากลาง และดาวิเด ซัปปาคอสต้าอาจจะได้ลงเล่นแบ็กขวาแทน ในขณะที่แลมพาร์ดพยายามแก้ไขปัญหาเกมรับที่เสียไป 4 ประตูในเกมล่าสุด แต่ความสามารถในการเล่นริมเส้น หรือตัดเข้ากลางทำให้ไม่ว่ายังไงทั้งคู่จะต้องได้ปะทะกันแน่ ในเกมที่อิสตันบูล