ลิเวอร์พูลยังรักษาสถิติชนะรวด เมื่อเป็นฝ่ายเอาชนะอาร์เซนอลที่แอนฟิลด์ไปด้วยสกอร์ 3-1 ในเกมที่ 3 ของพรีเมียร์ลีก

รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: อาเดรียน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, มาติป, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ่, ไวจ์นัลดุม, เฮนเดอร์สัน ©,    มาเน่, ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่ 

สำรอง: เคลเลเฮอร์, มิลเนอร์, โกเมซ, อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, ลัลลานา, ชากิรี และโอริกี

อัพเดตทีม: ลิเวอร์พูลได้เฮนเดอร์สัน และฟาบินโญ่ กลับมาเป็นตัวจริง ในขณะที่มิลเนอร์ และอ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ไปเป็นตัวสำรอง


 
จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที   41 มาติปโหม่งให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0
  • นาที 49 ซาลาห์ยิงจุดโทษให้ลิเวอร์พูลนำ 2-0
  • นาที 58 ซาลาห์ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 3-0
  • นาที 84 ตอร์ไรร่ายิงให้อาร์เซนอลตามมา 3-1

เกมในครึ่งแรก

เกมที่ 3 ของลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีกเริ่มต้นด้วยการรับมืออาร์เซนอลที่แอนฟิลด์ โดยทั้งสองทีมยังคงสถิติไม่แพ้ใครในฤดูกาลนี้

และตั้งแต่นาที 2 โรเบิร์ตสันได้โอกาสแทงบอลไปหน้าประตู และเฟอร์มิโน่เกือบได้จังหวะทำประตูไป แต่พลาดไปอย่างน่าเสียดาย และในนาที 8 ลิเวอร์พูลได้เตะมุม ไวจ์นัลดุมได้บอลในกรอบ ก่อนหมุนตัวยิงแต่บอลไม่เข้ากรอบ

แต่จังหวะโต้กลับของอาร์เซนอลในนาที 11 อาเดรียนวิ่งสวนออกมาแต่บอลเปิดไปเข้าทางโอบาเมยองก่อนที่จะยิงสวนทันที แต่บอลไม่เข้ากรอบ

กรรมการเป่าจังหวะรุกของทีมเยือนในนาที 14 ในเป็นจังหวะแฮนด์บอลของเปเป้ไปก่อน ลิเวอร์พูลยังพยายามทำเกมบุกโต้กลับแต่ยังไม่แม่นพอ ส่วนเปเป้ได้โอกาสยิงอีกครั้งในนาที 19 แต่เข้าซองอาเดรียน

ลิเวอร์พูลขึ้นบีบสูงก่อนที่อาร์เซนอลจะส่งบอลกลับมาในกรอบ และมาเน่ฉกบอลไว้ได้และตั้งป้อมยิง แต่ยังติดเซฟเลโน่ในนาที 20

อาร์เซนอลที่พยายามฉวยโอกาสสวนกลับ ยังทำได้อย่างน่ากลัว โดยในนาที 30 ที่เปเป้ได้ยิงอีกครั้ง แต่บอลโค้งไม่พอที่จะเข้ากรอบ

อาเดรียนออกมาเซฟบอลในจังหวะที่เปเป้ได้โอกาสทองหลุดเดี่ยวขึ้นมา หลังฉกบอลมาจากเฮนเดอร์สันในนาที 34 รวมทั้งล็อกหลบโรเยิร์ตสันไปได้

ลิเวอร์พูลบุกหนักในช่วงนาที 38 ฟาน ไดจ์ค ได้โหม่งแต่ติด จากนั้นมาติปได้โหม่งชง หมายให้เฟอร์มิโน่แต่ถูกเคลียร์ และจากจังหวะต่อเนื่องในนาที 40 ซาลาห์ได้วอลเลย์แต่ติด

ลิเวอร์พูลมาได้ประตูขึ้นนำในที่สุดในนาที 41 เมื่อมาติปขึ้นโหม่งจากจังหวะเตะมุมของเทรนต์เข้าไปอย่างสวยงาม

หลังจากได้ประตูแรก ลิเวอร์พูลยังพยายามบุกไม่หยุดและเกือบได้โอกาสจากจังหวะประสานงานของมาเน่ และซาลาห์ แต่กองหลังอารืเซนอลต้องจิ้มออกในนาทีสุดท้าย และจากนั้นมาเน่โหม่งลูกเตะมุมไม่เข้ากรอบ กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก 2 นาที

เกมในครึ่งหลัง

เมื่อเริ่มครึ่งหลังได้ไม่ถึง 3 นาที ซาลาห์ถูกลุยซ์ดึงเสื้อ กรรมการเป่าให้เป็นจุดโทษทันที และซาลาห์เป็นผู้รับหน้าที่ยิงไม่พลาด 2-0

อาร์เซนอลยังคงเล่นเกมโต้กลับและโอบาเมยองหลุดขึ้นมา แต่มาติปมาเคลียร์ออกไปได้จึงเสียแค่เตะมุม จากนั้นในนาที 52 ลิเวอร์พูลได้โต้กลับโดยมาเน่แทงให้เฟอร์มิโน่วิ่งไล่บอลขึ้นไป แต่บอลน้ำหนักแรงเกินไป และในนาที 53 เทรนต์ได้เติมขึ้นมายิงแต่ยังถูกบล็อก

หลังจากต่อบอลอย่างใจเย็น โรเบิร์ตสันได้จังหวะโยนเข้าไปในกรอบ ซาลาห์ทะลุขึ้นมาโหม่งแต่ไม่เข้ากรอบในนาที 55

แต่ลิเวอร์พูลมาได้ประตู 3-0 จากจังหวะฟาบินโญ่เปลี่ยนจากรับเป็นรุก แทงบอลยาวให้ซาลาห์ล็อกหลบก่อนสปีดขึ้นหน้าและยิงเสียบเสาอย่างสวยงามในนาที 58

คล็อปป์ส่งมิลเนอร์มาแทนไวจ์นัลดุมในนาที 69 และส่งอ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน มาแทนมาเน่ในนาที 77

อาร์เซนอลมาได้ประตูตีเสมอจากตอร์ไรร่าจากลูกยิงจ่อๆ หน้าประตู ทำให้สกอร์ตามมา 1-3 จากนั้นคล็อปป์ส่งลัลลานามาแทนเฟอร์มิโน่

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 4 นาที แต่จังหวะเซตพีซของอาร์เซนอลไม่สามารถทำอะไรลิเวอร์พูลได้ จบเกมจึงเป็นทีมลิเวอร์พูลที่ทำสถิติชนะรวดต่อไป