ลิเวอร์พูลรักษาสถิติชนะรวดตั้งแต่เปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีก หลังบุกไปชนะเบิร์นลีย์ที่เทิร์ฟ มัวร์ ไปด้วยสกอร์ 0-3

รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: อาเดรียน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, มาติป, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ่, ไวจ์นัลดุม, เฮนเดอร์สัน ©,    มาเน่, ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่ 

สำรอง: เคลเลเฮอร์, มิลเนอร์, โกเมซ, อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, ลัลลานา, ชากิรี และโอริกี

อัพเดตทีม: ลิเวอร์พูลใช้นักเตะชุดเดิมที่ชนะอาร์เซนอลที่แอนฟิลด์  


 
จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที 33 อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยิงแฉลบวู้ดให้ลิเวอร์พูลนำ 0-1
  • นาที 37 มาเน่ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 0-2
  • นาที 80 เฟอร์มิโน่ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 0-3

เกมในครึ่งแรก

เกมที่ 4 ของลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีก เป็นการไปเยือนเบิร์นลีย์ที่เทิร์ฟ มัวร์ โดยก่อนเกมแมนฯ ซิตี้ ขยับขึ้นจ่าฝูง หลังเก็บชัยชนะไปก่อน ลิเวอร์พูลจึงมีงานหนักในการแซงกลับขึ้นไปยึดจ่าฝูงอีกครั้ง

แต่เพียงนาทีที่ 2 เจ้าบ้านเป็นฝ่ายทักทายก่อนโดยวู้ดได้ปั่นเสาไกล แต่อาเดรียนปัดไว้ได้และมาติปกู้บอลคืนมาก่อนเคลียร์ออกไป แต่ในนาที 5 ลิเวอร์พูลก็ได้โอกาสใกล้เคียง หลังจากมาเน่แทงบอลให้ซาลาห์ก่อนยิงไปชนเสา

ในช่วง 10 นาที แรก ลิเวอร์พูลยังครองบอลได้มากกว่า แต่เบิร์นลีย์เองก็มีโอกาสโต้กลับมาเป็นระยะ และในนาที 21 ซาลาห์ขึ้นไปเติมและได้บอลที่กระฉอกมาแต่น่าเสียดายที่บอลเฉียดเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย ก่อนที่มาเน่จะได้ยิงแต่ยังติด ลิเวอร์พูลได้เตะมุมในนาที 24

เลนนอนวางบอลเข้ากลางในนาที 27 แต่เทรนต์เข้ามาสกัดบอลออกหลังไปได้ จากนั้นลิเวอร์พูลพยายามเล่นเกมโต้กลับ แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่คมพอ

ลิเวอร์พูลมาได้ประตูแบบเซอร์ไพรส์หลังเทรนต์เปิดบอลก่อนที่จะแฉลบวู้ด ทำให้บอลมุดเข้าประตูไปให้ลิเวอร์พูลนำ 0-1 ในนาที 33 และหลังจากนั้นเพียง 4 นาที มาเน่บวกเพิ่มอีกหนึ่งประตูจากจังหวะโต้กลับที่เฟอร์มิโน่วางให้มาเน่แปบอลเข้าไปไม่พลาด ให้ลิเวอร์พูลนำ 0-2

ก่อนจบครึ่งแรก บาร์นส์ได้โอกาสสับไก แต่ยิงบอลหักข้อเกินไป บอลไม่เข้ากรอบ กรรมการทดเวลาบาดเจ็บ 1 นาที ก่อนที่จะเป่าจบครึ่งแรก

เกมในครึ่งหลัง

หลังเริ่มครึ่งหลัง เกมหยุดชั่วคราวเมื่อมาติปถูกกระแทกที่ชายโครง ก่อนที่จะได้ฟรีคิกในนาที 53 และในนาที 58 ลิเวอร์พูลได้บอลในกรอบ ก่อนมาเน่จะเบียดแย่งบอลมาได้ แต่ไม่มีจังหวะให้ยิงได้ถนัดนัก ก่อนที่บอลจะมาที่เทรนต์ที่กระดกบอลให้ซาลาห์ยิงเข้าข้างหน้าต่าง

ลิเวอร์พูลยังคงบุกไม่หยุด และในนาที 60 ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกหลังฟาบินโญ่ถูกทำฟาวล์ เทรนต์เปิดให้ซาลาห์ แต่ยิงไปติด และในนาทีต่อมา ซาลาห์ได้บอลนอกกรอบก่อนพยายามหาจังหวะยิง แต่เบาไป รวมทั้งในนาที 64 ที่ลิเวอร์พูลได้โต้กลับเร็วโดยไวจ์นัลดุมผ่านบอลให้มาเน่ลากเข้ากรอบ ก่อนจ่ายให้เฮนเดอร์สัน แต่ไม่มีจังหวะยิง เมื่อได้บอลอีกครั้งจึงกระดกข้ามไปให้เฟอร์มิโน่จักรยานอากาศ แต่ถูกบล็อก

คล็อปป์ส่งอ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ลงมาแทนเฮนเดอร์สัน ในขณะนี้ปลอกแขนกัปตันอยู่ที่ฟาน ไดจ์ค

โรดริเกซที่เพิ่งลงมาเป็นตัวสำรองได้โอกาสหลุดเดี่ยวในนาที 76 แต่กรรมการเป่าให้เป็นจังหวะล้ำหน้า

จากจังหวะรับเป็นรุก ซาลาห์เก็บบอลจากฟาน ไดจ์ค มาได้ก่อนไหลให้อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน แต่ยิงไปติด

จากนั้นคล็อปป์ส่งโอริกี และชากิรี ลงมาแทนมาเน่ และเฟอร์มิโน่ ในนาที 85

อาเดรียนต้องออกโรงเซฟเพื่อรักษาคลีนชีตในจังหวะที่โรดริเกซได้บอลในเขตโทษในนาที 89 หลังจากล้มตัว แล้วบล็อกบอลด้วยแขน และนั่นเป็นจังหวะสุดท้ายในเกม
ลิเวอร์พูลจบเกมที่ 4 ในพรีเมียร์ลีกด้วยการคว้าสามแต้ม พร้อมคลีนชีต และรักษาสถิติชนะรวดตั้งแต่เปิดฤดูกาล