ลิเวอร์พูลยังคงรักษาสถิติชนะรวดนับตั้งแต่เปิดฤดูกาล โดยในนัดนี้คว้าชัยชนะเหนือนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ไปด้วยสกอร์ 3-1 ที่แอนฟิลด์

รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: อาเดรียน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, มาติป, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ่, ไวจ์นัลดุม, อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, มาเน่, ซาลาห์ และโอริกี 

สำรอง: เคลเลเฮอร์, มิลเนอร์, เฟอร์มิโน่, โกเมซ, เฮนเดอร์สัน, ลัลลานา และชากิรี 



อัพเดตทีม: ก่อนเกม คล็อปป์ได้ให้เหตุผลถึงตารางแข่งขันในการเตรียมตัวก่อนเกมที่ส่งผลต่อการเลือกทีมตัวจริงของเขา

“แน่นอน เราต้องคิดถึงเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้” ผู้จัดการทีมกล่าวกับบีที สปอร์ต

“เฮนโด้พร้อมนะ บ็อบบีก็น่าจะพร้อม แต่มันไม่ได้เกี่ยวกับความพร้อม มันเป็นภาพใหญ่กว่า และเราต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น”

“เราสามารถทำการเปลี่ยนแปลงได้มากกว่านี้ แต่เราต้องการจังหวะด้วยเช่นกัน และมันก็ไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก มีเกมอีกมากมายที่รออยู่”

“เราทำมันด้วยทั้งทีม เรานับถือนิวคาสเซิลมากกับการโรเตชั่น เพื่อโรเตชั่น เราต้องการจะมีทีม 11 ตัวจริงที่ดีที่สุด ที่เราจะสามารถมีได้สำหรับคู่ต่อสู้ที่เฉพาะเจาะจง และนั่นคือสิ่งที่เราคิดว่าเป็นทีมนี้ที่เหมาะสม”


 
จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที  7 วิลเลียมส์ยิงให้นิวคาสเซิลนำ 0-1
  • นาที 28 มาเน่ยิงให้ลิเวอร์พูลตีเสมอ 1-1
  • นาที 40 มาเน่ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 2-1
  • นาที 72 ซาลาห์ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 3-1

เกมในครึ่งแรก

เกมที่ 5 ของลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีก เป็นการรับการมาเยือนของนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ที่แอนฟิลด์ และเริ่มเกมได้เพียง 3 นาที โอริกีลื่นล้มลง แต่ลุกกลับมาเล่นได้ต่อ

แต่กลับเป็นนิวคาสเซิลมาได้ประตูขึ้นนำก่อนในนาที 7 เมื่อวิลเลียมส์ได้บอลยาวมาก่อนที่จะล็อคแล้วยิงผ่านมือเข้าไป

หลังจากถูกนำเร็ว ลิเวอร์พูลพยายามทวงประตูคืน และในนาที 12 อ็อกซ์ได้ยิงไกล แต่ไม่เข้ากรอบ มาเน่พยายามโหม่งจากลูกเปิดของอ็อกซ์ในนาที 17 แต่ยังกดไม่ลง และในนาที 24 โอริกีได้โหม่ง แต่ไม่เข้ากรอบ และในนาทีต่อมาเทรนต์เกือบได้โอกาสผ่านบอลให้ซาลาห์หน้าประตู แต่ถูกสกัดออกหลังในนาทีสุดท้าย

และในที่สุด ความพยายามของลิเวอร์พูลก็เป็นผลในนาที 27 เมื่อซาดิโอมาเน่ยิงเสียบมุมตีเสมอ 1-1 ให้ลิเวอร์พูล

ในนาที 36 โอริกีเล่นต่อไม่ไหว คล็อปป์จึงต้องส่งเฟอร์มิโน่ลงมาแทน และมีส่วนในจังหวะการทำประตู โดยผ่านบอลทะลุให้มาเน่ยิง และบอลกระดอนมาเข้าทางมาเน่ยิงเข้าไปอีกครั้ง ให้ลิเวอร์พูลนำ 2-1

ทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก 3 นาที

เกมในครึ่งหลัง

เริ่มครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลยังพยายามรอฉกฉวยจังหวะในการทำเกมรุก แต่ในนาที 55 นิวคาสเซิลได้จังหวะส้มหล่นในกรอบ แต่ยิงไม่เข้ากรอบ และในนาทีต่อมา เทรนต์ได้โอกาสยิง แต่ก็ยังติดเซฟอย่างน่าเสียดาย

เฟอร์มิโน่ยกบอลให้โรเบิร์ตสันทะลุเข้าไปในกรอบ แต่เสียดายที่ไม่มีมุมมากพอให้ยิงในนาที 63 และในนาที 69 ฟาน ไดจค์โหม่งตั้งเข้าไปหน้าประตู แต่ก็ยังถูกสกัดออกมา

และเป็นเฟอร์มิโน่อีกครั้งที่เป็นคนจุดประกายจังหวะรุกด้วยลูกตอกส้นให้ซาลาห์ลากเข้าไปในกรอบอย่างใจเย็น ก่อนยิงเข้าไปให้ทีมนำ 3-1

เมื่อทีมนำ คล็อปป์ส่งมิลเนอร์ลงมาแทนอ็อกซ์ ที่ในวันนี้ลงเล่นเกมที่ 50 ให้ลิเวอร์พูล และมิลเนอร์รับปลอกแขนกัปตันทีมมาจากฟาน ไดจ์ค

คล็อปป์ส่งชากิรีลงมาแทนไวจ์นัลดุม ในนาที 84 และในนาที 86 เฟอร์มิโน่โชว์จังหวะการผ่านบอลอันเหนือชั้น แต่น่าเสียดายที่จังหวะยิงของซาลาห์ถูกเซฟไว้ รวมทั้งลูกยิงของมาเน่ในนาที 88 ให้เป็นลูกล้ำหน้า

ทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 3 นาที ก่อนที่ลิเวอร์พูลจะคว้าสามแต้มไปได้สำเร็จ