ลิเวอร์พูลยังคงยืดสถิติไร้พ่ายพ่อไป เมื่อมาเน่ และเฟอร์มิโน่ ช่วยกันซัดคนละประตูให้ทีมเฉือนชนะคริสตัล พาเลซ ไปด้วยสกอร์ 2-1

รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ลอฟเรน, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ่, ไวจ์นัลดุม, เฮนเดอร์สัน ©,  อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, มาเน่ และเฟอร์มิโน่

สำรอง: อาเดรียน, มิลเนอร์, เกอิต้า, ซาลาห์, โกเมซ, ลัลลานา และโอริกี    

อัพเดตทีม:  คล็อปป์เปลี่ยนแปลงทีม  1 ตำแหน่งจากเกมชนะแมนฯ ซิตี้  โดยอ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ลงมาแทนซาลาห์ ที่เป็นตัวสำรอง


จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที  49 มาเน่ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 0-1
  • นาที 82 ซาลฮาตีเสมอให้พาเลซ 1-1
  • นาที 85 เฟอร์มิโน่ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 2-1

เกมในครึ่งแรก

เกมที่ 13 ของลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีก เป็นการไปเยือนคริสตัล พาเลซ ที่เซลเฮิร์ส พาร์ก โดยลิเวอร์พูลต้องการยืดสถิติตั้งแต่เปิดฤดูกาลออกไป

ในช่วง 15 นาทีแรก เป็นการเปิดแลกกันของทั้งสองทีม  แต่ก็ยังไม่มีจังหวะจะแจ้งในการทำประตู จนถึงนาที 17 อายิวได้สอดขึ้นมายิงแต่ไม่ตรงกรอบ และในขณะเดียวกันลูกเปิดของฟาบินโญ่ในนาที 18 ที่มาถึงมาเน่นั้นแรงไปนิดเดียว มาเน่เกี่ยวไม่ติดทำให้ไม่มีโอกาสเข้าไปยิง

ซาฮาได้โอกาสวอลเลย์ในนาที 22 แต่บอลไม่เข้ากรอบ ในขณะที่พาเลซโถมเข้าบุกอย่างหนัก รวมทั้งในนาที 25 ที่เคฮิลล์ขึ้นโหม่งแต่บอลเฉี่ยวคานออกไป

ลิเวอร์พูลกลับมาทำเกมบุกและได้เตะมุมแต่ก็ยังถูกปัดออกมาในนาที 25 แต่หลังจากนั้นก็ยังต้องกลับมาเล่นเกมรับเหมือนเดิม และยังไม่สามารถสร้างสรรค์โอกาสในการจบจังหวะสุดท้าย แม้จะได้เตะมุมอีกครั้งในนาที 33

ลิเวอร์พูลทำได้ใกล้เคียงในนาที 37 แต่อายิวเข้ามาเคลียร์ลูกโหม่งของฟาน ไดจ์ค ไว้ได้ก่อนที่นักเตะลิเวอร์พูลจะพุ่งเข้าซ้ำ

พาเลซทำประตูได้ ในนาที 43 จากลูกโหม่งของทอมกินส์ แต่กรรมการเช็ค VAR และไม่ให้ประตู เพราะมีการทำฟาวล์จากจังหวะที่อายิวผลักลอฟเรนไปก่อน

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก 2 นาที

เกมในครึ่งหลัง

มาเน่ทำได้ดีในนาที 48 เมื่อรับบอลที่เฮนเดอร์สันวางมาให้ แต่น่าเสียดายที่บอลเฉี่ยวเสา แต่ในนาที 49 มาเน่ทำประตูได้ในที่สุด จากจังหวะยิงเข้ากรอบครั้งแรกในเกมของลิเวอร์พูล

พาเลซไม่ถอดใจแม้โดนนำ ทาเซนด์ยิงไกล แต่อลิสสันปัดออกกรอบไปได้ในนาที 53 จากนั้นฟาบินโญ่ได้รับใบเหลืองในนาที 54 เมื่อเข้าสกัดใส่คูยาเต้

ก่อนเกมดำเนินมาครบ 1 ชั่วโมง พาเลซได้เตะมุม และได้บุกต่อเนื่อง แจ่อายิวเข้าฮอร์สไม่เข้ากรอบ

คล็อปป์ส่งโอริกีมาแทนอ็อกซ์ ในนาที 64

เฟอร์มิโน่เกือบทำประตูได้ แต่กลับถูกกวยต้าปัดออกไปในนาที 65

พาเลซยังคงโถมเข้าบุก และในนาที 75 ชุปป์ได้ยิงไกล อลิสสันต้องปัดปลายมือ และในนาที 78 เบนเตเก้ได้จักรยานอากาศ แต่ไม่เข้ากรอบ

คล็อปป์เปลี่ยนเฮนเดอร์สันออก และส่งมิลเนอร์ลงมาแทนในนาที 79

พาเลซมาตีเสมอได้ในนาที 82 จากลูกยิงของซาฮา

จากจังหวะขลุกขลิกหน้าประตู ลิเวอร์พูลมาได้ประตูขึ้นนำจากเฟอร์มิโน่ที่มายิงเข้าไป 2-1 ในนาที 85 นับเป็นการฉลองการลงสนามนัดที่ 150 ให้ลิเวอร์พูลได้อย่างน่าจดจำ

เมื่อขึ้นนำ คล็อปป์ส่งโกเมซลงมาแทนเฟอร์มิโน่ในนาที 89 ก่อนกรรมการจะทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 5 นาที

พาเลซได้เตะมุมอีกครั้งในนาที 90+1 และจากจังหวะเตะมุม ซาฮาหลุดกับดักล้ำหน้าก่อนจะยิงโล่งๆ แต่บอลไม่เข้ากรอบ

ไวจ์นัลดุมได้บอลจากมาเน่ในนาที 90+4 ก่อนยิงไม่จับ แต่ยังเข้าซองผู้รักษาประตู และนั่นก็เป็นจังหวะสุดท้ายในเกม
ลิเวอร์พูลนำเป็นจ่าฝูงต่อไปพร้อม 3 แต้มในนัดนี้