ลิเวอร์พูลเก็บชัยชนะเกมที่ 15 ใน 16 เกมพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ด้วยฟอร์มการเล่นที่คุมเกมได้อย่างเบ็ดเสร็จจากชัยชนะเหนือบอร์นมัธ 3-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

และมีหลากหลายประเด็นที่น่าสนใจจากเกมที่หงส์แดงได้ประตูจากอเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, นาบี เกอิต้า และโมฮาเหม็ด ซาลาห์ รวมถึงการเดิมสนามจากดาวรุ่งอะคาเดมี

และนี่คือ 6 ประเด็นจากเกมดังกล่าว....

เกอิต้าคว้าโอกาสของเขา

กองกลางทีมชาติกินีได้โอกาสเป็นตัวจริงเกมแรกในพรีเมียร์ลีกตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน และได้ทำเกมสูงในแดนกลางในเกมนี้ ก่อนจะตามรอยดิว็อค โอริกี และเซอร์ดาน ชากิรีที่ทำประตูในเกมกับเอฟเวอร์ตัน เกอิต้าทำประตูจากจังหวะทำชิ่งหนึ่ง-สองกับซาลาห์ที่ตอกส้นสุดสวย ทำประตูก่อนพักครึ่งที่เป็นการเพิ่มช่องว่างในระยะเวลาสำคัญ

สถิติในเกมนี้ของเขาก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน เมื่อเขาจ่ายให้เพื่อนได้ลุ้นทำประตู 3 ครั้ง จ่ายบอลแม่นยำ 94.7 เปอร์เซ็นต์, จับบอล 111 ครั้ง, เข้าสกัด 3 ครั้ง, ตัดบอล 2 ครั้ง และแย่งบอลคืนได้ 13 ครั้ง

โมทำประตูในเกมที่หนึ่งร้อย

ซาลาห์ลงเล่นเกมที่ 100 ในพรีเมียร์ลีก โดยลงเล่น 13 เกม ให้กับเชลซีทีมเก่า ขณะที่บอร์นมัธเป็นทีมที่เขาเคยทำประตูได้ 4 เกมติดต่อกัน มากกว่าที่นักเตะหงส์แดงคนใดเคยทำได้ และเกมนี้เขายังต่อยอดมันได้หลังเข้าสู่ 9 นาทีในครึ่งหลัง ในจังหวะรับบอลจากเกอิต้า ก่อนยิงผ่านอารอน แรมดาลเขาไป

ซาลาห์เล่นได้อย่างอันตรายด้านริมเส้นด้านขวา ที่เขาจับบอลอย่างแน่นอน และวิ่งสอดเข้าไป โดยเกมนี้เขายิงไป 4 ประตู และจ่ายบอลให้เพื่อนยิง 3 ครั้ง และในประวัติศาสตร์มีเพียง 3 คนที่ทำได้มากกว่า 63 ประตูจากสถิติ 100 เกมพรีเมียร์ลีกของเขา

การช่วยกันทำประตูทั่วทั้งทีม

ทั้งอ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน และเกอิต้าเบิกสกอร์แรกในลีกฤดูกาลนี้จากประตูในครึ่งแรก กลายเป็นประตูจากนักเตะคนที่ 15 และ 16 ตามลำดับที่ทำประตูในลีกสูงสุดในฤดูกาล 2019-20 มากกว่าทั้งฤดูกาลก่อนหน้านี้  และขาดแค่คนเดียวจะทำเท่ากับสถิติสโมสรที่ 17 คนที่ทำไว้ในฤดูกาล 1911-12 และ2015-16

โกเมซที่เล่นได้หลากหลายตำแหน่ง

โจ โกเมซ เป็น 1 ใน 7 นักเตะที่ได้ลงเติมความสดในทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ในช่วงโปรแกรมชุกต่อเนื่อง นักเตะวัย 22 ปีเป็นตัวจริงในตำแหน่งแบ็กขวาแทนเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แต่หลังจากที่เดยัน ลอฟเรนต้องออกจากสนามเพื่อป้องกันการบาดเจ็บไว้ก่อน โกเมซก็ได้แสดงความหลากหลายด้วยการขยับไปเล่นตรงกลางร่วมกับเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค

ช่วงเวลาของโจนส์

11 เดือนพอดีตั้งแต่เกมประเดิมทีมชุดใหญ่ของเขากับสโมสรในเอฟเอ คัพ กับวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส นักเตะวัย 18 ปีได้ประเดิมสนามในพรีเมียร์ลีกในฐานะตัวสำรอง

เราจะให้ดาวเตะสเก๊าเซอร์บรรยายตัวเอง

“ผมเติบโตขึ้นมาโดยฝันถึงวันนี้ มันเป็นความรู้สึกที่น่าเหลือเชื่อที่ผมได้ประเดิมสนามในพรีเมียร์ลีกให้กับลิเวอร์พูล อีกหนึ่งวันที่ยอดเยี่ยม”  – เคอร์ติส โจนส์ กล่าวในทวิตเตอร์

คลีนชีต

ถ้าจะมีอะไรเป็นตำหนิจากฟอร์มที่โดดเด่นของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ นั่นคงเป็นการขาดคลีนชีตในระยะหลัง โดยทีมของคล็อปป์ไม่สามารถเก็บคลีนชีตได้ตั้งแต่ 28 กันยายนในเกมกับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด แตกต่างจากส่วนใหญ่ในฤดูกาล 2018-19 แต่พวกเขาจำกัดโอกาสของบอร์นมัธได้ยิงเพียง 3 ครั้ง และไม่เข้ากรอบเลยในเกมนี้

“มันเป็นคำพูดที่เด็กๆ ใช้ในห้องแต่งตัวมากที่สุด ‘คลีนชีต, คลีนชีต, คลีนชีต’ ชัดเจนว่าทุกคนต้องการมันอย่างมาก ตอนนี้เราต้องพยายามทำให้มันเกิดบ่อยขึ้น” ผู้จัดการทีมกล่าว