ลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย แชมเปียนส์ลีก ได้สำเร็จ หลังบุกไปชนะซัลซ์บวร์กได้ถึงออสเตรีย จากประตูของเกอิต้า และซาลาห์

รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ลอฟเรน, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, เฮนเดอร์สัน ©, ไวจ์นัลดุม, เกอิต้า, มาเน่ , ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่

สำรอง: อาเดรียน, มิลเนอร์, โกเมซ, อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, ชากิรี, โอริกี และโจนส์

อัพเดตทีม:   คล็อปป์เปลี่ยนแปลงทีม 3 ตำแหน่งจากเกมชนะบอร์นมัธ โดยไวจ์นัลดุม มีชื่อในแดนกลาง นอกจากนี้อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และมาเน่ ก็กลับสู่ 11 ตัวจริงเช่นกัน

จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที   57 เกอิต้าโหม่งให้ลิเวอร์พูลนำ 0-1
  • นาที 58 ซาลาห์ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 0-2

เกมในครึ่งแรก

ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมที่ 6 ในรายการแชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม อี และต้องการอย่างน้อย 1 คะแนนเพื่อเข้ารอบต่อไป

 ในช่วง 2 นาที แรก ฟาน ไดจ์ค ต้องรับมือกับฮาลันด์ และเกมรุกของซัลซ์บวร์กที่ขึ้นโถมรุกตั้งแต่เริ่มเกมที่ทำให้อลิสสันต้องตั้งป้อมรับลูกยิงของทีมเจ้าบ้านตั้งแต่นาที 3

ลิเวอร์พูลมีโอกาสทองโดยซาลาห์ในนาที 5 แต่ก็ยังถูกเซฟไว้ได้ และในนาที 7 อลิสสันออกแรงเซฟปลายมือจากลูกยิงของมินามิโนะ

เพียง 8 นาทีในเกม ทั้งสองฝ่ายต่างมีโอกาสบุกแลก และมาเน่ได้ยิง แต่เฉี่ยวเสาออกไป หลังจากนั้นลิเวอร์พูลเหมือนจะตั้งเกมได้ และได้โอกาสรุกในนาที 12 โดยโรเบิร์ตสันพาบอลขึ้นเส้นหลังก่อนตวัดเข้ามา แต่ถูกสกัดออกไปก่อนที่นักเตะลิเวอร์พูลจะเข้ามาชาร์จได้ทัน และในนาที 20 ลิเวอร์พูลได้โอกาสถึงสามครั้ง โดยเริ่มจากมาเน่ ที่ยิงไปถูกเซฟ ก่อนบอลไปเข้าทางเกอิต้าที่สับไกสองครั้ง แต่ยังถูกสกัดไว้ได้

อลิสสันยังคงทำงานหนักต่อเนื่องเช่นกันในนาที 25 เมื่อต้องเซฟลูกยิงของฮาลันด์ที่วิ่งเบียดมากับลอฟเรนก่อนได้ลองสับไก

และจากการเล่นโต้กลับของลิเวอร์พูลในนาที 29 เฮนเดอร์สันส่งให้เกอิต้า ที่วางบอลให้ซาลาห์ที่วิ่งทะลุขึ้นมา ก่อนที่จะยิงเฉี่ยวเสาออกไปเอง และในนาที 32 ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิก ก่อนที่ซาลาห์จะยิงโด่งออกไป

มินามิโนะได้ยิงในนาที 43 แต่อลิสสันเซฟปลายมือ และกรรมการให้เป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน และกรรมการทดเวลาบาดเจ็บ 1 นาที

และก่อนหมดเวลา จากการเล่นเกมโต้กลับ และการวางของซาลาห์ที่ทางให้เกอิต้าที่วิ่งสอดขึ้นไปก่อนได้ดวลและยิงติดเซฟ และตามซ้ำไม่ทัน ทำให้จบครึ่งแรก ทั้งสองทีมเสมอกัน 0-0

เกมในครึ่งหลัง

ซาลาห์ยังคงไม่สามารถส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย หลังจากได้บอลจากมาเน่ในนาที 48 แต่ยิงโด่งออกไป และหลังจากนั้น ซาลาห์เกือบได้หลุดเดี่ยว แต่จับบอลจังหวะแรกไม่ดี

เกมหยุดชั่วคราวเพราะลอฟเรนเจ็บ ทำให้คล็อปป์ต้องส่งโกเมซลงมาแทนลอฟเรนในนาที 53

หลังจากพยายามอยู่นาน ลิเวอร์พูลมาได้ประตูปลดล็อกขึ้นนำจากเกอิต้าในนาที 57 หลังจากมาเน่โยนบอลจากกราบซ้ายเข้ากลางให้เกอิต้าขึ้นโขกโล่งๆ เข้าไป 0-1

และจากนั้นเพียง 1 นาที ลิเวอร์พูลได้ประตูจากซาลาห์ หลังจากได้บอลแล้วยิงมุมแคบเข้าไปอย่างสวยงามในนาที 58 ให้ลิเวอร์พูลนำ 0-2

คล็อปป์ส่งมิลเนอร์ลงมาแทนเฟอร์มิโน่ในนาที 75 และโอริกีลงมาแทนเกอิต้าในนาที 87

มาเน่ได้โอกาสยิงในนาที 88 แต่แฉลบออกไป ลิเวอร์พูลได้เตะมุม

ทดเวลาบาดเจ็บ 2 นาที

ลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ในฐานะทีมอันดับ 1 ของกลุ่มอี