Match Report: เฟอร์มิโน่ซัดให้ลิเวอร์พูลเข้าชิงฟีฟา คลับ เวิลด์ คัพ
ประตูชัยท้ายเกมของเฟอร์มิโน่ช่วยให้ลิเวอร์พูลทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศฟีฟา คลับ เวิลด์ คัพ หลังเอาชนะมอนเตอร์เรย์ ไปด้วยสกอร์ 1-2
รายชื่อนักเตะ
11 ตัวจริง: อลิสสัน, มิลเนอร์, โกเมซ, เฮนเดอร์สัน, โรเบิร์ตสัน, ลัลลานา, เกอิต้า, อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, ชากิรี, ซาลาห์ และโอริกี
สำรอง: อาเดรียน, โลเนอร์แกน, เฟอร์มิโน่, มาเน่, โจนส์, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และวิลเลียมส์
อัพเดตก่อนเกม: ฟาน ไดจ์ค ไม่มีชื่อในทีมเนื่องจากป่วย
จังหวะสำคัญในเกม
- นาที 12 เกอิต้าทำประตูให้ลิเวอร์พูลนำ 0-1
- นาที 14 มอนเตอร์เรย์ตีเสมอให้มอนเตอร์เรย์ 1-1
- นาที 90+1 เฟอร์มิโน่ทำประตูให้ลิเวอร์พูลนำ 1-2
เกมในครึ่งแรก
ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมรอบรองชนะเลิศ ฟีฟา คลับ เวิลด์ คัพ ที่กาตาร์ โดยพบกับทีมมอนเตอร์เรย์ แชมป์จากคอนคาเคฟ
และตั้งแต่ 5 นาทีแรก ลิเวอร์พูลได้โอกาสก่อนจากจังหวะที่ชากิรีตัดเข้าใน ก่อนจะยิงด้วยซ้าย และบอลเฉี่ยวเสาออกไป ก่อนที่ลิเวอร์พูลจะได้ประตูนำในนาที 12 จากเกอิต้า หลังจากซาลาห์ฉีกกองหลังเปิดทางให้เกอิต้าได้จบ
แต่เพียงสองนาทีหลังจากนั้น มอนเตอร์เรย์ตีเสมอได้จาก โรเจลิโอ ฟูเนส โมริ ในนาที 14
หลังถูกตีเสมอ ลิเวอร์พูลถูกบุกหลายครั้ง และอลิสสันต้องออกแรงเซฟเป็นระลอก จนกระทั่งนาที 37 ที่เซฟปลายมือก่อนได้ก่อนที่จะถูกเข้าฮอร์ส
ลิเวอร์พูลมาได้โอกาสทองในนาที 43 เมื่ออ็อกซ์แทงบอลให้เกอิต้าหลุดเข้าไป แต่บอลสุดท้ายถูกผู้รักษาประตูตะครุบไว้ได้
เกมในครึ่งหลัง
ลิเวอร์พูลลงเล่นครึ่งหลัง ด้วยหวังทำประตูเพิ่ม และในนาที 48 โรเบิร์ตสันได้ยิง แต่โด่งข้ามคาน และในนาที 50 อลิสสันต้องเซฟอีกครั้ง ก่อนที่ลิเวอร์พูลจะเล่นเกมโต้กลับ แต่ซาลาห์เสียบอลในกรอบ
โกเมซได้ใบเหลืองในนาที 59 เมื่อฟาวล์ตัดเกมกลางสนาม
โอริกียิงเข้าไปจากจังหวะต่อเนื่องจากลูกเตะมุมในนาที 62 แต่กรรมการให้เป็นจังหวะล้ำหน้า
หลังจากซาลาห์ได้ยิงตรงตัว โมริได้ยิงบ้างในนาที 68 ก่อนที่คล็อปป์จะส่งมาเน่มาแทนชากิรี และในนาที 74 อ็อกว์แทงบอลให้มิลเนอร์ ก่อนโยนเข้ากลางให้โอริกียิง แต่บอลแฉลบมาเน่ออกหลังไป
คล็อปป์ส่งอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มาแทนมิลเนอร์ ในนาที 74 และส่งเฟอร์มิโน่ลงมาแทนโอริกีในนาที 85
ลิเวอร์พูลเสียเตะมุมในนาที 87 แต่ยังช่วยเคลียร์กันออกมาได้ จากนั้นกรรมการทดเวลาบาดเจ็บ 3 นาที
ลิเวอร์พูลมาได้ประตูขึ้นนำในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ จากเฟอร์มิโน่ที่เป็นซูเปอร์ซับในค่ำคืนนี้ หลังเทรนต์หนุนบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ และเฟอร์มิโน่ก็ยิงเข้าไปง่ายๆ เป็นประตูชัยในเกมนี้
