ลิเวอร์พูลทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อบุกไปเอาชนะเลสเตอร์ ซิตี้ ที่คิง เพาเวอร์ สเตเดียม ได้อย่างท่วมท้น ด้วยสกอร์ 4-0 พร้อมเก็บคลีนชีตกลับแอนฟิลด์

รายชื่อนักเตะ
11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โกเมซ, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, เฮนเดอร์สัน ©, ไวจ์นัลดุม, เกอิต้า, มาเน่ , ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่

สำรอง: อาเดรียน, มิลเนอร์, ลัลลานา, ชากิรี, โอริกี, โจนส์ และวิลเลียมส์

จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที  31 เฟอร์มิโน่โหม่งให้ลิเวอร์พูลนำ 0-1
  • นาที 71 มิลเนอร์ยิงจุดโทษเข้าไปให้ลิเวอร์พูลนำ 0-2
  • นาที 74 เฟอร์มิโน่ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 0-3
  • นาที 78 อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 0-4

เกมในครึ่งแรก

เกมที่ 18 ของลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีกเป็นการไปเยือนเลสเตอร์ ซิตี้ ทีมที่อยู่อันดับที่ 2 ของตาราง

เพียงนาทีที่ 2 ของเกม ลิเวอร์พูลได้โอกาสจากบอลที่ซาลาห์โยนเข้ามาในเขตโทษ ก่อนที่มาเน่จะพุ่งเข้าไปถึงบอลก่อนแต่เกี่ยวบอลไม่ติด เลยไม่มีจังหวะยิง จากนั้นในนาที 5 ซาลาห์ได้ปั่นในกรอบ แต่บอลโด่งออกไป

อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ โชว์ความแข็งแกร่งในเกมรับ เมื่อขึ้นมาไล่สกัดบอลจนพ้นอันตรายในนาที 10 จากนั้นโรเบิรฺตสันต้องเคลียร์บอลออกหลัง จากที่เลสเตอร์พยายามทำเกมบุกอย่างต่อเนื่อง

แต่ในนาที 11 จากจังหวะโต้กลับหลังการเตะมุมของเลสเตอร์ ลิเวอร์พูลพาบอลขึ้นมาอย่างรวดเร็วก่อนที่ซาลาห์จะแตะบอลยาวหนีชไมเคิล แล้วพยายามวิ่งตามบอลก่อนยิงเข้าหน้าต่าง

เฮนเดอร์สันได้บอลจากเฟอร์มิโน่ ก่อนพยายามปั่น แต่แฉลบออกหลังในนาที 15 แต่ลุกเตะมุมของลิเวอร์พูลยังไม่อันตรายพอ

จากจังหวะโต้กลับของเลสเตอร์ในนาที 20 อลิสสันช่วยออกมาตัดบอลได้พอดี ส่วนในนาที 24 ซาลสห์ล้มในเขตโทษ ก่อนที่กรรมการจะยกธงว่าเป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อนแล้ว

หลังจากพยายามอยู่นาน ลิเวอร์พูลมาได้ประตูขึ้นนำ 0-1 ในนาที 31 หลังเทรนต์โยนบอลจากกราบซ้ายให้เฟอร์มิโน่พุ่งเข้าไปโหม่งอย่างสวยงาม

ลิเวอร์พูลเกือบได้ประตูที่สองในนาที 33 เมื่อได้บอลล้นมาในกรอบเขตโทษ ก่อนที่ชไมเคิลจะเซฟอีกครั้ง

ทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก 1 นาที ก่อนที่จะพักครึ่งโดยลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายนำ 1 ประตู

เกมในครึ่งหลัง

เริ่มเกมได้ 3 นาที เลสเตอร์ได้ยิง แต่ถูกสกัดออกหลัง ก่อนที่จะได้เตะมุม แต่ลิเวอร์พูลช่วยกันเล่นเกมรับได้ดี จากนั้นในนาที 55 บ็อบบีเกือบทำประตูได้หลังเข้าฮอร์สไปยิง แต่บอลผ่านหน้าประตูไป

ลิเวอร์พูลยังพยายามอย่างหนักในการทำประตูที่ 2 และมีโอกาสใกล้เคียงมากๆ ในนาที 57 หลังเฟอร์มิโน่ได้โหม่ง แล้วชไมเคิลปัดออกมาเข้าทางซาลาห์ยิงไปชนคานเด้งออกมา แต่กรรมการยกธงให้เป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อนแล้ว

เมื่อเกมดำเนินมาหนึ่งชั่วโมง วาร์ดี้ได้บอลขึ้นหน้า ก่อนที่โกเมซจะเข้าสกัด กรรมการให้ใบเหลืองและให้ฟรีคิก แต่แมดดิสันยิงออกไป และหลังจากนั้นเลสเตอร์บุกเป็นระลอก แต่ฟาน ไดจ์ค สามารถสกัดบอลเปิดของริคาร์โด้ไว้

ลิเวอร์พูลได้เตะมุมนาที 69 หบังจากซาลาห์พยายามยิงแต่ถูกสกัด จากนั้นคล็อปป์ส่งโอริกี และมิลเนอร์ มาแทนซาลาห์ และเกอิต้า

และในนาที 70 ลิเวอร์พูลได้จุดโทษ และเป็นมิลเนอร์ที่รับหน้าที่ยิงเข้าไปไม่พลาด 0-2 และหลังจากนั้นไม่กี่นาที การประสานงานระหว่างมิลเนอร์, เทรนต์ และเฟอร์มิโน่ ช่วยให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 0-3 หลังเฟอร์มิโน่ได้บอลจากเทรนต์ และยิงเข้าไปอย่างใจเย็น

และในนาที 78 ลิเวอร์พูลมาได้ประตูที่ 4 จากเทรนต์ ที่ยิงผ่านมือชไมเคิลเข้าไปอย่างเฉียบคม

เกมหยุดชั่วคราวเพราะเฮนเดอร์สันลงไปเจ็บ ก่อนที่คล้อปป์จะเปลี่ยนลัลลานาลงมาแทนในนาที 81 จากนั้นเกมไม่มีจังหวะตื่นเต้นใด กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 3 นาที

จบเกมที่คิง เพาเวอร์ สเตเดียม โดยลิเวอร์พูลคว้า 3 แต้ม ทำให้มี 52 คะแนน นำเลสเตอร์อันดับ 2 ที่ 13 คะแนน และแข่งน้อยกว่า 1 นัด