ประตูของโรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ช่วยให้ลิเวอร์พูลเก็บสามแต้มสำคัญจากการไปเยือนท็อตแนม ฮอตสเปอร์ส ในเกมที่ 21 ของพรีเมียร์ลีก

รายชื่อนักเตะ
11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โกเมซ, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, เฮนเดอร์สัน ©, ไวจ์นัลดุม, อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, มาเน่ , ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่

สำรอง: อาเดรียน, มินามิโนะ, ลัลลานา, ชากิรี, โอริกี, ฟิลลิปส์ และวิลเลียมส์

จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที   37 เฟอร์มิโน่ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 0-1

เกมในครึ่งแรก

ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมที่ 21 ในเกมพรีเมียร์ลีก โดยไปเยือนท็อตแนม ฮอตสเปอร์

และเพียงสองนาที ลิเวอร์พูลทำได้ใกล้เคียงมากๆ เมื่อเฟอร์มิโน่ได้บอลในกรอบ ก่อนยิงไปถูกสกัดออกมาโดยแทงกานก้า จากนั้นอ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ได้บอลและยิงอีกครั้ง แต่ชนเสา

สเปอร์สได้บุกบ้างในนาที 5 แต่ลูกยิงของมูร่าไม่เข้ากรอบ ก่อนที่ซงจะฉกบอลมาได้จากเฮนเดอร์สันในนาที 7 แต่ยิงไม่เข้ากรอบ

ลิเวอร์พูลมาได้ฟาวล์ในนาที 9 เมื่อมาเน่ถูกสกัด แต่ฟรีคิกของลิเวอร์พูลถูกดักเอาไว้

หลังจากจังหวะต้นเกม ลิเวอร์พูลยังไม่สามารถทำได้ใกล้เคียงเลยในช่วง 15 นาทีแรกของเกม แม้ลิเวอร์พูลจะครองบอลได้มากกว่าก็ตาม

เฮนเดอร์สันจ่ายบอลสั้นและถูกฉกไปอีกครั้งในนาที 21 แต่ในจังหวะต่อมา ลิเวอร์พูลเตะมุม และฟาน ไดจ์ค มีจังหวะโหม่งโล่งๆ จากลูกหยอดของเฮนเดอร์สัน แต่ถูกปัดออกมาได้

มาเน่ได้ยิงในกรอบ นาที 35 แต่บอลเด้งข้ามคานออกไป แต่ไม่กี่อึดใจหลังจากนั้น ลิเวอร์พูลมาได้ประตูขึ้นนำจากเฟอร์มิโน่ในนาที 37 หลังเฮนเดอร์สันโหม่งให้ซาลาห์ ก่อนที่จะวางต่อให้เฟอร์มิโน่ยิงเข้าไป แม้เกมจะดีเลย์ไปประมาณ 1 นาที เมื่อกรรมการเช็คจังหวะแฮนด์บอลของเฮนเดอร์สัน แต่สุดท้ายให้ลิเวอร์พูลได้ประตูไป

ซาลาห์เกือบบวกอีกหนึ่งประตูในนาที 43 แต่บอลเฉี่ยวตาข่ายออกไป

ในช่วงก่อนหมด 45 นาทีแรก สเปอร์สได้เตะมุม แต่มูร่าโหม่งออกไปเอง กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก 3 นาที

เกมในครึ่งหลัง

เมื่อเริ่มครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลเสียฟรีคิกในนาที 48 แต่ก็ช่วยกันสกัดออกมาได้ ก่อนที่ในนาที 49 ซาลาห์จะพาบอลขึ้นมาแต่น่าเสียดายที่การตัดสินใจในจังหวะสุดท้ายในเกมรุกไม่ดีพอ บอลจบที่เทรนต์กึ่งยิงกึ่งผ่านออกไป ก่อนที่เทรนต์จะได้โยนไปที่เสาไกลอีกครั้งในนาที 50 แต่ผู้รักษาประตูถึงบอลก่อนมาเน่

สเปอร์เริ่มบุกหนักมากขึ้น ทำให้อลิสสันออกแรงเซฟลูกยิงของออริเย่ร์ ในนาที 57 หลังฟาน ไดจ์ค เข้าสกัดอัลลี จากนั้นซงได้ยิงในนาที 60 แต่บอลไม่เข้ากรอบ

คล็อปป์ส่งลัลลานามาแทนอ็อกซ์ในนาที 61 และในนาที 66 เกิดจังหวะปะทะระหว่างโรเบิร์ตสัน แต่เกมไม่หยุด และมาเน่ได้โหม่งแต่ถูกปัดไว้ได้

ไวจ์นัลดุมเสียบอลในนาที 75 แต่โชคดีที่ซงยิงข้ามคาน ก่อนที่ในนาทีต่อมาลูกครอสของซงจะผ่านหน้าประตูไป

คล็อปป์ส่งโอริกีมาแทนมาเน่ในนาที 80 หลังจากลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายตั้งรับเป็นส่วนใหญ่ในช่วง 5 นาทีก่อนหน้านี้

ในนาที 82 สเปอร์สเกือบตีเสมอได้จากจังหวะที่โล เวลโซ๋ เข้าชาร์จบอลแต่ไม่เข้ากรอบ

จากนั้นในช่วงท้ายเกม สเปอร์ส ได้ยิงอีกครั้งในนาที 89 แต่อลิสสันพุ่งเซฟไว้ได้ ก่อนที่ในนาที 90 โอริกี้จะล็อกหลบก่อนได้สับไก แต่ติดเซฟ

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บ 3 นาที ก่อนที่คล็อปป์จะส่งชากิรลงมาแทนซาลาห์ ในนาที 90+1

แต่หลังจากนั้นไม่มีการทำประตูเพิ่ม ลิเวอร์พูลยังคงรักษาสถิติไร้พ่าย พร้อมตำแหน่งจ่าฝูงต่อไป