ประตูจาก ฟาน ไดจ์ค และ ประตูท้ายเกมจาก ซาลาห์ ทำให้ลิเวอร์พูลเก็บสามแต้มสำคัญจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมที่ 22 ของพรีเมียร์ลีก

รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โกเมซ, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, ไวจ์นัลดุม, เฮนเดอร์สัน ©, อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, มาเน่ , ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่

สำรอง: อาเดรียน, ฟาบินโญ่, มินามิโนะ, ลัลลานา, โอริกี, มาติป และโจนส์

เกมในครึ่งแรก

ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมที่ 22 ในเกมพรีเมียร์ลีก พบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เริ่มเกมได้ 7 นาที มาติช ได้รับใบเหลือง หลังจากยกเท้าสูงใส่ ไวจ์นัลดุม ลิเวอร์พูลได้ฟาวล์

นาทีที 12 เฟอร์มิโน่ มีโอกาสสับไกยิงนอกกรอบ แต่ติดบล็อกของมาร์กซิยาล

นาทีที่ 14 ลิเวอร์พูลได้ลูกเตะมุม เป็นอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษ และเป็น ฟาน ไดจ์ค วิ่งพุ่งกระโดดเข้าหาลูกบอล โหม่งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ลิเวอร์พูลนำ 1-0

นาทีที่ 17 ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิก เป็นอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษ และเป็นฟาน ไดจ์ค คนเดิมยิงติดบล็อกออกหลังไป

นาทีที่ 23 เฟอร์มิโน่ แทงบอลทะลุช่องไปให้มาเน่ แต่น่าเสียดายที่ชอว์ สกัดบอลออกไปได้

เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 26 ฟาน ไดจ์ค เปิดบอลขึ้นหน้าไปให้ ซาลาห์ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนเปิดเข้าในให้เฟอร์มิโน่ ยิงออกข้างไปอย่างมีลุ้น

นาทีที่ 35 อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน แทงบอลทะลุช่อง ให้ไวนัลดุ้ม หลุดเข้าไปยิงเข้าประตูไป ปต่น่าเสียดายไลน์แมนยกธงล้ำหน้า

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมีโอกาสยิงครั้งแรก และเป็นมาร์กซิยาล ยิงออกข้างไปในนาทีที่ 39 และในนาทีที่ 40  วาน-บิสซาก้า มีโอกาสเปิดบอลจากริมเส้น และเป็น อันเดรียส ที่สไลค์เข้าไม่ถึงบอล

มาเน่เกือบบวกอีกประตูในนาทีที่ 43 หลังจาก ซาลาห์ เปิดบอลขึ้นหน้ามาให้ มาเน่ ในกรอบเขตโทษ ก่อนยิงเต็มข้อ น่าเสียดายไปติดขาของ เด เคอา หลุดออกหลังไป

จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ออกนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0

เกมในครึ่งหลัง

เกมเริ่มมาแค่ 2 นาทีในครึ่งหลัง โรเบิร์ตสัน เปิดบอลเข้ากลางมาให้ ซาลาห์ ยิงจ่อๆ ในนาทีที่ 47 แต่น่าเสียดายยิงหลุดออกหลังไปนิดเดียว

ลิเวอร์พูลยังบุกอย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 48 เฮนเดอร์สัน มีโอกาสยิงไกลนอกกรอบขอโทษ บอลพุ่งไปชนเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย

ยังเป็นลิเวอร์พูลที่ยังครองบอลและบุกอยู่ตลอด และในนาทีที่ 52 อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยิงไกลจากนอกกรอบ แต่ไม่ผ่านมือเด เคอา

 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีโอกาสโต้กลับในนาที 57 เป็นเฟร็ด ที่ยิงออกหลังไป และต่อเนื่องในนาทีที่ 58  มาร์กซิยาล ทำชิ่งกับ อันเดรียส หลัง มาร์กซิยาล ยิงเต็มข้อบอลข้ามคานออกไป

ลิเวอร์พูลมีโอกาสโต้กลับมาในนาทีที่ 62 และเป็น มาเน่ หลุดเข้าไปกรอบเขตโทษ ก่อนจะกึ่งยิงกึ่งจ่าย บอลเฉียดออกข้างไป

คล็อปป์ส่งลัลลานามาแทนอ็อกซ์ในนาที 65 และนาทีที่ 67 มาร์กซิยาล ยิงบอลจากระยะไกล แต่เป็น อลิสสัน รับได้อย่างไม่มีปัญหา และจังหวะต่อเนื่องในนาทีที่ 68 เฟร็ด มีโอกาสยิงนอกกรอบอีกครั้ง และเป็น อลิสสัน คนเดิมปัดออกหลังไปได้

เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 82 คล็อปป์ส่ง โอริกิ มาแทน มาเน่ และส่งฟาบินโญ่ ลงมาแทน เฟอร์มิโน่ และในนาทีที่ 83 ลิเวอร์พูลได้ลูกฟรีคิก นอกกรอบเขตโทษทางด้านซ้าย และเป็น อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดเข้ากรอบเขตโทษแต่ไม่ถึงใคร

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ฟรีคิกในนาที 88 และเป็น เฟร็ด เปิดบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ เป็น ฟาน ไดจ์ค สกัดออกไปได้

นาทีที่ 90+3 อลิสสัน เปิดบอลส่วนกลับไปที่ ซาลาห์ ก่อนจะหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษและยิงผ่านตัว เด เคอาไปอย่างสวยงาม ลิเวอร์พูลขึ้นนำเป็น 2-0

และหลังจากนั้นไม่ถึงนาที กรรมการเป่านกหวัดหมดเวลาการแข่งขัน ลิเวอร์พูลยังคงรักษาสถิติไร้พ่าย พร้อมตำแหน่งจ่าฝูงต่อไป