ลิเวอร์พูลทำคะแนนทิ้งห่างเพิ่มขึ้นเป็น 25 คะแนน เมื่อบุกไปชนะนอริช ซิตี้ จากประตูชัยของซาดิโอ มาเน่ ในเกมพรีเมียร์ลีก ที่กลับมาเริ่มต้นอีกครั้งหลังพักหนีหนาว

รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โกเมซ, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, ไวจ์นัลดุม, เฮนเดอร์สัน ©, เกอิต้า, อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่

สำรอง: อาเดรียน, ฟาบินโญ่, ลอฟเรน, มิลเนอร์, มาเน่, ลัลลา และโอริกี

จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที  78 มาเน่ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 0-1

เกมในครึ่งแรก

ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมที่ 26 ในพรีเมียร์ลีก ด้วยการไปเยือนนอริช ซิตี้ ที่แคร์โรว์ โร้ด ซึ่งลิเวอร์พูลต้องใช้เวลาถึง 10 นาที กว่าจะสามารถเจาะแนวรับเจ้าบ้านเพื่อหาจังหวะยิงประตู โดยเป็นเฟอร์มิโน่ที่รับบอลยาวของเฮนเดอร์สัน ก่อนกลับตัวยิง แต่น่าเสียดายที่ถูกบล็อกไว้ได้ในจังหวะสุดท้าย

นอริชเล่นเกมรับได้อย่างรัดกุม จนลิเวอร์พูลไม่สามารถหาโอกาสทองในการทำประตูได้เลย จนเกอิต้าได้หาจังหวะจบในนาที 33 แต่บอลเบา และไม่เข้ากรอบ

อลิสสันต้องออกแรงเซฟในนาที 35 หลังนอริชวางบอลยาวแล้วหลุดขึ้นมาดวลหน้าประตู แต่อลิสสันปัดบอลไว้ไดก่อนที่บอลจะถูกจ่ายให้ปุ๊คกียิง

ลิเวอร์พูลขึ้นโต้กลับมาบ้าง แต่ลูกเปิดของซาลาห์ถูกสกัดออกหลังในนาที 38 ได้เตะมม ก่อนที่จังหวะสุดท้ายเทรนต์จะตัดสินใจยิงไกล แต่บอลไม่เข้ากรอบ

ทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก 2 นาที

ลิเวอร์พูลได้โอกาสสุดท้ายในครึ่งแรก เมื่อได้เตะมุมในนาที 45+2 แต่นอริชโหม่งเคลียร์ออกไปก่อนที่กรรมการจะเป่าจบครึ่งแรก ยังเสมอกัน 0-0

เกมในครึ่งหลัง

ลิเวอร์พูลเริ่มครึ่งหลังด้วยการโหมบุก แต่ในนาที 52 กลับเป็นนอริชที่ทำได้น่ากลัว เมื่อเฮนเดอร์สันเสียบอลให้นอริชขึ้นบุกชุดใหญ่ แต่ลูกยิงของแคนท์เวลเข้าหน้าต่าง

ลิเวอร์พูลก็ได้โอกาสเช่นกันในนาที 54 จากการประสานงานของเกอิต้า, โรเบิร์ตสัน และเฟอร์มิโน่ แต่น่าเสียดายที่ถูกสกัดในจังหวะสุดท้ายไปก่อน

เกอิต้าได้โอกาสยิงนอกกรอบในนาที 58 หลังได้บอลจากซาลาห์ แต่ครูลล์ปัดข้ามคานออกไป ก่อนที่ฟาน ไดจ์ค จะได้โขกจากจังหวะเตะมุมต่อมา แต่ยังเข้าซอง

ครูลล์ยังโชว์ซูเปอร์เซฟ หลังซาลาห์พลิกบอลอย่างสวย ก่อนยิง ครูลล์ปัดก่อนที่บอลจะมาเข้าทางเกอิต้า แต่ซ้ำไม่เข้า ในนาที 59

คล็อปป์ส่งฟาบินโญ่ และมาเน่มาแทนไวจ์นัลดุม และอ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ในนาที 60

ในช่วงนาที 65 ลิเวอร์พูลขึ้นบุกเป็นระลอก หลังมาเน่ได้บอลและพาบอลขึ้นหน้า แต่ก็ยังไม่มีจังหวะจะแจ้งในการทำประตูปลดล็อกของเกมนี้ แต่ในนาทีต่อมา แอรอนสกัดลูกเปิดของโรเบิร์ตสันออกหลัง ลิเวอร์พูลได้เตะมุมอีกครั้ง แต่ก็ยังถูกสกัดออกมา

นอริชลักไก่ยิงในนาที 73 แต่บอลชนเสาออกไป

ลิเวอร์พูลมาได้ประตูในนาที 78 หลังมาเน่ได้บอลจากเฮนเดอร์สัน ก่อนพลิกกลับตัวยิงเสียบมุมแคบเข้าไป ก่อนที่กรรมการจะเช็ค VAR และให้เป็นประตูขึ้นนำ 1-0 ในเกมที่เขากลับมาลงสนามหลังหายจากบาดเจ็บ

เกอิต้าได้รับใบเหลืองในนาที 83 หลังเข้าไปสกัดแคนท์เวล จากนั้นคล็อปป์ส่งมิลเนอร์ลงมาแทนเกอิต้าในนาที 84

เฟอร์มิโน่เกอบบวกประตูที่สอง แต่บอลที่เทรนต์ครอสเข้ามาค่อนข้างแรง ลูกแปของเฟอร์มิโน่จึงล้นออกหลังไปในนาที 86

ปุ๊คกีได้ยิงในนาที 89 หลังทะลุขึ้นมาในจังหวะโต้กลับ แต่อลิสสันรับไว้ได้แบบไม่มีกระฉอก ก่อนที่กรรมการจะทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 3 นาที และไม่มีการทำประตูเพิ่ม ลิเวอร์พูลเก็บสามแต้มสำเร็จ พร้อมนำจ่าฝูงต่อไป