ก่อนเกมการต่อสู้กันที่เอสตาดิโอ เมโทรโปลิตาโน่ ในค่ำคืนนี้ และนี่ 3 จุดสำคัญในการต่อสู้รายบุคคลที่น่าจับตามองในเกมที่แอตเลติโก้ มาดริด และลิเวอร์พูล

อัลบาโร่ โมราต้า v เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค

โมราต้าที่อยู่ภายใต้สัญญายืมตัวกับเชลซี กลับมาลงเล่นให้ทีมตราหมีได้อีกครั้งในนาทีที่ 66 ในเกมเสมอบาเลนเซีย 2-2 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากพลาดเกมก่อนหน้านั้น และทำให้ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ น่าจะมีตัวเลือกในแนวรุกมากขึ้นหลังดันอันเกล กอร์เรอา และบิโตโล่ ขึ้นไปเล่นในแดนหน้า ช่วงที่ดีเอโก้ คอสต้า, ชูเอา เฟลิกซ์ และโมราต้าได้รับการบาดเจ็บ

โมราต้าเป็นดาวซัลโว 10 ประตูของทีมจาก 10 ประตูในทุกรายการในฤดูกาลนี้ รวมถึงสองประตูในเกมกับไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น รอในรอแบ่งกลุ่ม ที่ทำให้ทีมของพวกเขาผ่านเข้ารอบเป็นอันดับสองของกลุ่มถัดจากยูเวนตุส ซึ่งความสูง, ความเร็ว และสัญชาตญาณในการทำประตู และทีเด็ดในลูกกลางอากาศ

กับการยืนเป็นหน้าเป้าด้านขวาในระบบ 4-4-2 เขาน่าจะดวลโดยตรงกับเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค นักเตะที่พาทีมเข้าชิงแชมเปียนส์ลีก ทั้งสองปี ตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมเมื่อสองปีก่อน และยังได้รับการจดจำในฐานะกองหลังที่ดีที่สุดในรายการในฤดูกาล 2018-19 ยังรักษาฟอร์มที่น่าทึ่งมาจนถึงตอนนี้

หงส์แดงเสียไปเพียง 1 ประตูจาก 11 เกมหลังสุดในพรีเมียร์ลีกที่เขายืนคู่กับโจ โกเมซ รวมถึงช่วยหยุดซัลซ์บวร์กในเกมล่าสุดในรายการนี้ที่ทำให้ทีมผ่านเข้ารอบ เขามีหน้าที่ในการหยุดทีเด็ดต่างๆ จากโมราต้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับลูกกลางอากาศ แต่ต้องไม่ลืมการขึ้นในเขตโทษของคู่แข่งของเขาเช่นกัน

ฟาน ไดจ์ค ทำไป 4 ประตูในฤดูกาลนี้ และยังทำได้สองประตูในรอบแบ่งกลุ่มฤดูกาลที่แล้ว ในเกมเยือนบาเยิร์น มิวนิก และปอร์โต้

เรนาน โลดี้ v เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์

เรื่องราวของนักเตะพรสวรรค์สูงวัย 21 ปี สองคน

“คุณต้องจับตามองที่เขา” เดอร์ม็อต คอร์ริแกนนักข่าว และผู้เชี่ยวชาญฟุตบอลลา ลีกา พูดถึงโรดี้แบ็กซ้ายของทีมตราหมี ที่เป็นตัวจริง 6 เกมในรอบแบ่งกลุ่มหลังจากเซ็นสัญญาจากแอตเลติโก้ พาราเนนเซ่ ในช่วงซัมเมอร์ที่แล้ว

“เขามาจากบราซิล เขาไม่ได้ตื่นตาตื่นใจมากนัก คุณไม่ได้ยินเรื่องธรรมดาๆ ประมาณว่าทุกคนพยายามคว้าตัวเขา ผู้คนคิดว่าเมื่อพวกเขาเซ็นสัญญากับแบ็กซ้ายอีกคน และเขาเป็นเพียงเจ้าหนูตัวเล็กๆ”

“แต่เขามีทักษะที่ยอดเยี่ยม เล่นเกมรุกได้อย่างยอดเยี่ยม รวดเร็ว แข็งแกร่ง แต่ยังจ่ายบอลได้อย่างชาญฉลาดเช่นกัน”

มันฟังดูคล้ายคลึงกันใช่ไหม?

คู่แข่งของโลดี้อีกฝั่งในค่ำคืนนี้คือเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่เป็นกำลังสำคัญของลิเวอร์พูลที่พาทีมเข้าชิงแชมเปียนส์ลีก 2 ครั้งล่าสุด และยังทำ 10 แอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ และอีกหนึ่งแอสซิสต์ในรายการนี้

มันจะเป็นการต่อสู้ที่น่าสนใจ และบางทีฟูลแบ็กทั้งสองคนใครสร้างสมดุลระหว่างการรับผิดชอบเกมรับ และเล่นเกมรุกอย่างกล้าหาญน่าจะเป็นส่วนสำคัญในเกมนี้ แน่นอนว่าโลดี้อาจจะต้องรับมือกับโมฮาเหม็ด ซาลาห์เป็นหลัก ขณะที่ซาอูล ไนเกซ ‘ที่ชอบทำประตูในเกมใหญ่’ ตามความเห็นของคอร์ริแกน อาจจะเจองานหนักในการพยายามรับมือกับอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์

เฟลิเป้ v โรเบอร์โต้ เฟอร์มิโน่

เฟลิเป้กองหลังรายนี้เจอเผชิญหน้ากับลิเวอร์พูลในแชมเปียนส์ลีก รอบน็อกเอาต์ 3 ฤดูกาลติดต่อกัน หลังจากอยู่กับปอร์โต้ในการเจอกัน 2 ฤดูกาลก่อนหน้านี้ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย และ 8 ทีมสุดท้ายตามลำดับในฤดูกาล 2017-18 และ2018-19

เฟลิเป้ย้ายมาอยู่กับซิเมโอเน่ในช่วงซัมเมอร์ และเขาเป็นตัวจริง 5 จาก 6 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม และทำประตูในเกมกับโลโคโมทีฟ มอสโกเมื่อทีมผ่านรอบคัดเลือกในเดือนธันวาคม โดยนักเตะวัย 30 ปีหวังจะใช้ประสบการณ์ที่เจอกับโรแบร์โตเ เฟอร์มิโน่ มาแล้ว หยุดยั้งการทำประตูจากแต่ละเลกของเขาที่เจอกับปอร์โต้เมื่อหนึ่งปีก่อน

เจ้าของเสื้อเบอร์ 9 มีสถิติแปลกๆ กับการทำประตูนอกบ้าน โดย 10 ประตูของเขาในฤดูกาลมากจากเกมนอกแอนฟิลด์ แม้ว่าจะยังไม่สามารถยิงได้ในพรีเมียร์ลีก แต่ ‘ความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว’ ที่ผู้จัดการทีมให้นิยามถึงเขาในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

แต่จุดเด่นของเขาไม่ใช่แค่การทำประตู แต่ยังเป็นการสร้างโอกาส ตัวอย่างเช่นที่เขาทำ 3 แอสซิสต์ในชัยชนะ 4-0 เหนือเซาท์แฮมป์ตันเมื่อไม่นานมานี้ และการดวลกันของทั้งคู่น่าจะเป็นส่วนสำคัญ และอาจจะเป็นตัวแปรให้ทีมเยือนได้เปรียบหลังเกมนี้