หลังความสุขของการทำประตูชัยจากลูกโทษที่จุดโทษในนัดชิงชนะเลิศเอฟเอ ยูธ คัพ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ชีวิตในอะคาเดมีของศูนย์หน้าอย่างพอล กลัตเซล นั้นยอดเยี่ยมมาก

เขาเริ่มต้นการฝึกซ้อมในฤดูกาล 2019-20 กับทีมชุดใหญ่ และได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ช่วงปรี ซีซัน ในเกมกับทรานสเมียร์ โรเวอร์ส ที่เพรนตัน พาร์ก

แต่ความก้าวหน้าของเขากลับถูกสกัดกั้นด้วยการบาดเจ็บที่บริเวณหัวเข่าที่รุนแรงในวันนั้นเอง

กลัตเซลได้สัมผัสถึงด้านมืดของเกมที่นักเตะทุกคนต้องก้าวผ่านในจุดใดจุดหนึ่งในอาชีพของพวกเขา

มันเป็นช่วงเวลาที่น่าหวาดหวั่น เมื่อนักเตะวัยรุ่นกำลังกังวลเกี่ยวกับธรรมชาติของการบาดเจ็บและผลสืบเนื่องต่ออาชีพของเขาที่ลิเวอร์พูล แล้วเขาก็ได้รับโทรศัพท์ที่มีความหมายต่อเขาอย่างที่สุด

เจอร์เก้น คล็อปป์ คือ ผู้ที่อยู่ในสายนั่นเอง

 “ผมได้รับการสแกน ซึ่งบ่งบอกว่าผมเอ็นไขว้ด้านหน้าของผมฉีกขาด และทำให้หมอนรองกระดูกด้านนอกเสียหาย ดังนั้น ผมจึงต้องเข้ารับการผ่าตัด” แกล็ตเซลกล่าวกับเว็บทางการของสโมสร

“เมื่อผมเข้าใจมันแล้ว ผมก็แค่ต้องโฟกัสไปที่ยิมและพยายามกลับมาให้เร็วที่สุดเท่าที่ผมสามารถทำได้ และผมก็กำลังอยู่ในเส้นทางในตอนนี้”

 “ผู้จัดการทีมพูดว่าผมฟื้นฟูที่นี่ได้ ที่เมลวู้ด ซึ่งทำให้ผมภูมิใจหน่อย ๆ เพราะเห็นได้ชัดว่าคุณรายล้อมไปด้วยนักเตะทีมชุดใหญ่ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ดีในจุดที่ไม่ค่อยดีนักในอาชีพของผม”

“ผู้จัดการทีมโทรหาผมสองสามวันหลังจากนั้น และบอกให้ผมฟื้นฟูร่างกายที่นี่”

 “มันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม ไม่ใช่ในแง่ว่าผมต้องการจะบาดเจ็บนะ แต่มันดีที่ผู้จัดการทีมเป็นคนบอกว่าผมควรทำมันที่นี่ และเขาต้องการให้ผมทำมันที่นี่”

“มันเป็นจังหวะที่เหลือเชื่อมาก เมื่อผู้จัดการทีมโทรหาผม เพราะผมไม่ได้คาดหวังมันไว้เลย และมันก็เป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมาก”

 “เมื่อผมเข้ามาที่เมลวู้ดทุกวัน ทุกคนต่างน่าทึ่งมาก และมันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมที่แคมป์ฝึกซ้อม”

“พวกเขากำลังทำได้ดีมากอย่างเห็นได้ชัด และมันก็ยอดเยี่ยมมากที่ได้อยู่ที่นี่”

นี่คือบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มกับกลัตเซล...

พูดถึงว่าการบาดเจ็บในเกมกับทรานสเมียร์เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วเกิดขึ้นได้อย่างไร...

มันยากที่จะพูด จริง ๆ นะ เพราะไม่มีใครมั่นใจจริง ๆ หรือว่าจุดไหนในเกมที่มันเกิดขึ้น เพราะผมเจอกับจังหวะหนึ่งต่อหนึ่งกับกองหลังก่อนที่ผมจะถูกเปลี่ยนตัวออก และผมรู้สึกถึงบางสิ่ง เหมือนว่าผมเข่าปะทะเข่ากับใครซักคนและผมรู้สึกบางสิ่ง ผมเล่นต่อและผมก็วิ่งไปตามปกติ และทำทุกอย่าง แต่แล้วต่อจากนั้นในเกม ผมวิ่งไปกดดันผู้รักษาประตูของพวกเขา เขาเตะบอลยาวออกมา และผมก็หันกลับ และผมก็จบเลย

มันแย่มาก ผมเดินออกในท้ายที่สุด แต่ผมรู้เลยว่ามันเป็นบางสิ่งที่แย่มาก และผมรู้ด้วยว่าไม่มีทางที่ผมจะสามารถเล่นต่อได้ ผมผิดหวังมากในห้องแต่งตัว และมันอาจะเป็นความรู้สึกที่แย่ที่สุดที่ผมเคยรู้สึกมาเลยจากแง่มุมทางฟุตบอลกับการบาดเจ็บนี้ และมันยากจะอธิบายจริง ๆ กับความรู้สึกที่ผมมีในเวลานั้น

พูดถึงความทรงจำที่ดีมากกว่า และความสุขของการคว้าแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว...

ผมพูดได้อย่างชัดเจนเลยว่า มันคือฤดูกาลที่ดีที่สุดในอาชีพของผมที่ผ่านมาเลย กับเกมที่เราเล่นและคว้าแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ ผมอยากจะพูดว่ามันเป็นฤดูกาลที่ดีสำหรับตัวผมเอง ผมทำได้สองสามประตูและช่วยทีมได้ และเราก็ต้องการจะเห็นว่ามันจะพวกเราไปได้ไกลขนาดไหนตลอดทั้งฤดูกาล และเราก็คว้าแชมป์บอลถ้วยได้สำเร็จในท้ายที่สุด มันเป็นความรู้สึกที่เหลือเชื่อ ไม่มีอะไรจะเหมือนกับการชูถ้วยแชมป์จริง ๆ เมื่อทั้งทีมอยู่กับคุณและคุณก็ได้เฉลิมฉลองช่วงเวลานั้นด้วยกัน เรามองไปที่ทัวนาเมนต์ตอนเริ่มต้นฤดูกาล และคิดว่ามันคือฤดูกาลที่เราสามารถพยายามจะเอาชนะได้อย่างแน่นอน ดังนั้น การได้ชูถ้วยแชมป์ในตอนท้ายที่สุดมันเหลือเชื่อมาก

พูดถึงครอบครัวของเขาที่ได้เห็นเขาทำประตูชัยจากจุดโทษ...

พ่อแม่และเพื่อนสนิทบางคนของผมอยู่ที่นั่น และผมได้เห็นวิดีโอจากบางคนที่ถ่ายลูกจุดโทษของผมไว้ แล้วก็เห็นปฏิกิริยาจากครอบครัวของผม มันอาจจะเป็นความสุขที่สุดที่ผมเคยเห็นพวกเขามีเลย ดังนั้น มันเลยเป็นช่วงเวลาที่แสนภาคภุมิใจของผมอย่างแท้จริง

พูดถึงการสนับสนุนอันยอดเยี่ยมจากทุกคนที่อะคาเดมี...

พวกเขามีอิทธิพลอย่างมากต่อผมและเกมการเล่นของผม ไม่แค่ในเรื่องของฟุตบอล แต่ทางจิตใจด้วยเช่นกัน แบร์รี (เลว์ตัส) และคริตช์ (นีล คริตชลีย์) นั้นยอดเยี่ยมมาก และช่วยผมอย่างมากให้ผ่านมาได้และมุ่งมั่นไปกับสิ่งที่ผมจำเป็นต้องพัฒนาต่อไป พวกเขายังให้กำลังใจและทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น เมื่อผมได้รับบาดเจ็บ อเล็กซ์ อิงเกิลโธรปก็เป็นเช่นเดียวกัน และเขาก็อยู่ข้างผมเสมอ และเขาก็พยายามจะช่วยเหลือผมด้วย ผมยังเจอการบาดเจ็บอีกสองสามครั้ง แต่อเล็กซ์ก็อยู่ที่นั่นและเขาสนับสนุนผมเสมอ และแสดงความเชื่อมั่นในตัวผม และนั่นก็ช่วยผมได้มากเลย สต๊าฟฟ์ก็ส่งข้อความหาผมเสมอ และถามว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ และเมื่อผมไปและดูทีมชุดยู-23 เล่น พวกเขาก็ถามผมถึงอาการบาดเจ็บของผมเสมอ และถามว่าผมเป็นอย่างไรบ้าง

พูดถึงการเห็นเพื่อนของเขาจากทีมยูธ คัพ ได้รับโอกาสในทีมชุดใหญ่...

มันยอดเยี่ยมมาก เห็นได้ชัดเลย ผมเองก็ต้องการจะเป็นส่วนหนึ่งด้วย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผมจะได้เป็นในเวลาอันใกล้นี้ แต่มันก็เยี่ยมมากเลยที่เห็นทุกคนทำได้ดีและเห็นพวกเขาได้รับโอกาสและทำได้ดีอย่างแท้จริง ซึ่งมันทำให้อะคาเดมีภาคภุมิใจและแสดงให้เห็นถึงความสามารถ มันดีสำหรับเราที่ได้เห็นในเรื่องนั้น และการทำงานที่ดีที่อะคาเดมีทำมา และเห็นว่าทุกคนกำลังพัฒนาอย่างไร

ผมอยู่ในเกมกับชรูส์บิวรีด้วย และผมเข้าไปในห้องแต่งตัวก่อนเกมเพื่ออวยพรทุกคนให้โชคดี ผมอยู่บนอัฒจันทร์ด้วย บรรยากาศมหัศจรรย์มาก เมื่อพิจารณาว่ามันเป็นทีมยู-23 เป็นหลัก และทุกคนก็โชว์ฟอร์มได้ดี และคว้าชัยชนะ มันเหลือเชื่อมากที่ได้เห็นพวกเขาชนะ และเห็นปฏิกิริยาจากทุกคน

มันเหลือเชื่อสุด ๆ จริง ๆ นะ เพราะสำหรับเกมยู-23 อื่น ๆ มันไม่เคยมีผู้คนมากมายขนาดนั้น และสำหรับผมที่ได้เห็นแบบนั้น และไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมันนั้น มันก็ยากเล็กน้อยสำหรับผมนะ เพราะเห็นได้ชัดว่าผมต้องการจะลงเล่นกับพวกเขาด้วย แต่มันก็ยังเป็นเรื่องดีสำหรับทีม ผมภูมิใจกับวิถีทางที่เราเล่นได้ดี และภูมิใจที่ทุกคนได้เห็นว่าอะคาเดมีมีความสามารถเพียงใด และนักเตะทุกคนที่เข้ามา ดังนั้น มันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม เมื่อคุณได้รับบาดเจ็บ คุณจะคิดถึงการกลับมา แข็งแกร่ง และสามารถลงเล่นได้ ผมกำลังคิดถึงความต้องการที่จะกลับมาให้เร็วที่สุดที่สามารถทำได้เพื่อมีส่วนร่วมในสิ่งต่าง ๆ อะไรแบบนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะมีโอกาสมากขึ้นสำหรับผมในอนาคต

พูดถึงการที่สโมสรตอบแทนเขาด้วยสัญญาฉบับใหม่ในเดือนกันยายน...

สำหรับผม มันยิ่งใหญ่มาก เพราะมันแสดงถึงความเชื่อมั่นที่สโมสรมีต่อผม การรู้ว่าผมได้สูญเสียฤดูกาลหนึ่งไปจริง ๆ กับการบาดเจ็บนี้ แต่ยังได้ยืดระยะเวลาในสัญญาออกไป และได้ปีนั้นกลับคืนมาอย่างแน่นอนนั้นสำคัญสำหรับผมที่จะมุ่งมั่นไปกับการฟื้นฟูของผม และมันเป็นช่วงเวลาสำคัญและแสดงว่าสโมสรคิดอย่างไรกับผม ผมแค่ต้องการพยายามกลับมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ วันเวลาของผมแบ่งแยกกันบ้าง บางวันอยู่ในยิม บางวันข้างนอกยิม ขึ้นอยู่กับว่าวันอะไร บางครั้งผมก็เป็นคนแรกที่มา และเป็นคนสุดท้ายที่ออกไป แต่มันเป็นสิ่งที่คุณต้องทำเพื่อกลับมา