เส้นทางของลิเวอร์พูลในแชมเปียนส์ลีกต้องจบลงในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อพ่ายให้กับแอตเลติโก้ มาดริด ในช่วงต่อเวลาพิเศษ หลังชนะ 1-0 ใน 90 นาที

11 ตัวจริง: อาเดรียน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โกเมซ, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, เฮนเดอร์สัน, ไวจ์นัลดุม, อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, มาเน่, ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่

สำรอง: โลเนอร์แกน, ฟาบินโญ่, มิลเนอร์, มินามิโนะ, ลัลลานา, โอริกี และมาติป

จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที  43 ไวจ์นัลดุมโหม่งให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0
  • นาที 94 เฟอร์มิโน่ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 2-0
  • นาที 97 ยอเรนเต้ยิงให้แอตเลติโก้ มาดริด ตามมา 1-2
  • นาที 105 ยอเรนเต้ตีเสมอให้แอตเลติโก้ มาดริด 2-2
  • นาที 120 โมราต้ายิงให้แอตเลติโก้ มาดริด นำ 3-2

เกมในครึ่งแรก

ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมเลกที่สอง ของรอบ 16 ทีมสุดท้ายแชมเปียนส์ลีก ด้วยการรับการมาเยือนของแอตเลติโก้ มาดริด โดยมีประตูตามหลังอยู่ 1 ลูก และจำเป็นที่จะต้องเก็บชัยชนะ โดยการชนะ 2 ประตูขึ้นไป เพื่อผ่านเข้ารอบ

ลิเวอร์พูลทำเกมขึ้นมาในนาที 10 โดยมาเน่ตัดบอลได้ ก่อนผ่านให้ซาลาห์ที่ตัดเข้ามาทางขวา ก่อนที่จะปั่นข้ามคาน และในจังหวะต่อมาเฮนเดอร์สันได้ยิงไกล แต่บอลไม่เข้ากรอบ ท่ามกลางสายฝนที่โปรยลงมาที่แอนฟิลด์

โอบลัคต้องออกแรงเซฟลูกยิงของอ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ในนาที 14 ที่ลิเวอร์พูลโหมขึ้นมาบุก และครองบอลได้เป็นส่วนใหญ่

ลิเวอร์พูลยังคงพยายามทำประตูแรกให้ได้ และมีโอกาสในนาที 34 จากการเล่นโต้กลับที่มาเน่ได้ยิง แต่ตรงตัวโอบลัค และเฟอร์มิโน่เข้าซ้ำไม่ทัน จากนั้นโอบลัคยังเซฟจังหวะเข้าฮอร์สของเฟอร์มิโน่ในสองนาทีต่อมา

แล้วลิเวอร์พูลก็ขึ้นนำ 1-0 ก่อนหมดครึ่งแรก จากจังหวะที่ไวจ์นัลดุมโถมขึ้นมาโหม่งจากการเปิดของอ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ผ่านโอบลัคเข้าไปอย่างสวยงาม ก่อนที่กรรมการจะทดเวลาครึ่งแรกเพียงแค่ 1 นาที

เกมในครึ่งหลัง

 ลิเวอร์พูลเริ่มต้นครึ่งหลังด้วยจังหวะการเล่นที่ต่อเนื่องจากครึ่งแรก เพื่อหวังทำประตูเพิ่มอีก

โอบลัคยังเป็นอุปสรรคของลิเวอร์พูลในการทำประตู เมื่อเซฟจังหวะที่เฟอร์มิโน่จะเข้าฮอร์สจากลูกฟรีคิกของเทรนต์ในนาที 60 ก่อนที่ เฟลิกซ์จะได้ยิงในจังหวะเล่นโต้กลับในนาที 61 แต่อาเดรียนก็สามารถเซฟไว้ได้ถึงสองครั้ง

ลิเวอร์พูลมีโอกาสใกล้เคียงที่จะทำประตูที่สองที่สุดในนาที 67 เมื่อซาลาห์ได้บอลในกรอบ ก่อนจะพลิกและเปิดเข้ามาให้โรเบิร์ตสันที่สอดขึ้นมาโหม่งแต่บอลชนคานไปอย่างน่าเสียดาย

โรเบิร์ตสันยังไม่ลดความพยายามในการยิงประตู แต่บอลเหินข้ามคานไปในนาที 81 ก่อนที่คล็อปป์จะส่งมิลเนอร์ลงมาแทนอ็อกซ์

ลิเวอร์พูลได้โอกาสในนาที 84 หลังมาเน่จักรยานอากาศบอลที่ไวจ์นัลดุมโหม่งตั้งมาให้ แต่เหินข้ามคาน

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 2 นาที ก่อนที่จะเริ่มต่อเวลาพิเศษ

ต่อเวลาพิเศษ

15 นาทีแรก

ลิเวอร์พูลมีโอกาสก่อนจากจังหสะที่ไวจ์นัลดุมตวัดเข้ากลาง ก่อนที่เหอร์มิโน่จะพยายามโหม่งตั้งแต่บอลเลยออกหลังไปในนาที 93

แต่ในนาที 94 เฟอร์มิโน่ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 2-0 หลังจากจังหวะแรกยิงชนเสา แต่ก็ตามไปซ้ำได้

หลังจากนั้นไม่นาน กลับเป็นแอตเลติโก้มายิงได้ในนาที 97 จากจังหวะที่อาเดรียนเคลียร์บอลไม่ดี ไปเข้าทางยอเรนเต้ยิงเข้าไป ทำให้สกอร์รวมอยู่ที่ 2-2 แต่แอตเลติโก้กลับมาครองความเหนือกว่าในเกมจากการทำอะเวย์โกลในเกมนี้

จากนั้นแอตเลติโก้ ทำประตูตีเสมอ 2-2 ในนาที 105 จากลูกยิงของยอเรนเต้

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บในช่วงพิเศษนี้ 2 นาที

15 นาทีหลัง

ลิเวอร์พูลต้องทำถึงสองประตูเพื่อผ่านเข้ารอบต่อไปในแชมเปียนส์ลีก และมีเวลา 15 นาทีหลังจากนี้

คล็อปป์ส่งมินามิโนะลงมาแทนเฟอร์มิโน่ในนาที 113

จนมาถึงนาที 120 โมราต้ายิงให้แอตเลติโก้ มาดริด ขึ้นนำ 3-2 หลังเล่นเกมโต้กลับและยิงเข้าไป

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บ 2 นาที ก่อนที่แอตเลติโก้จะชนะไปด้วยสกอร์รวม 4-2 และเส้นทางของลิเวอร์พูลในแชมเปียนส์ลีกจบลงที่รอบ 16 ทีม