โทนี่ โจนส์ เล่าเรื่องตลกถึงการแก้โรคนอนไม่หลับของเขา กับเส้นทางที่หลายคนอาจจะคิดว่ามันเป็นการลดระดับลง เพราะคงมีไม่กี่คนเลือกเส้นทางเดินเหมือนกับเขา

ตั้งแต่ย้ายไปอเมริกาตั้งแต่วัยรุ่นเพื่อบาสเกตบอล และรับทุนเรียนวิทยาลัย ก่อนเล่นกีฬาอาชีพ และทำงานให้กับระบบสาธารณสุขแห่งชาติ ตามด้วยการเข้าสู่วงการฟุตบอลกับสโมสรวัยเด็กของเขา

ที่จริงแล้วตอนนี้โจนส์ได้ใช้ชีวิตตามความฝันอีกอย่างของเขาในแผนกแพทย์ของลิเวอร์พูล บทบาทของเขาเกี่ยวข้องกับการทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้เล่นเยาวชน และใกล้ชิดกับทีมชุดใหญ่

“มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์สำหรับผมในฐานะแฟนบอลลิเวอร์พูล” เขากล่าวกับ Liverpoolfc.com

ภาพประกอบ : โจนส์ (ด้านบนซ้าย) ในขณะที่ลงเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ไจแอนท์ส ในปี 1998

โทนี่ผ่านการเข้าแค้มป์บาสเก็ตบอลในระดับนานานาชาติหลายแห่งตั้งแต่อายุน้อยๆ ในวัย 17 ปีเขาได้เข้าเนียนในมอนโร, จอร์เจีย เพื่อเล่นบาสเก็ตบอล และเรียนไปด้วย ก่อนรับทุน 4 ปีที่วิทยาลัยเพียดมอนต์ที่เขาได้ลงเล่นลีกเอ็นซีดับเบิลเอ

แต่โจนส์ต้องกลับบ้านหลัง 2 ปี ในวิทยาลัยเพื่อร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ไจแอนท์ส ที่เขาเคยอยู่ในทีมเยาวชนเพื่อพยายามติดทีมตัวจริง ซึ่งไจแอนท์สเป็นหนึ่งในทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอังกฤษในเวลานั้นภายใต้การนำของนิค เนอร์สที่ได้คุมโตแรนโต้ แรปเตอร์สในเอ็นปีเอ ปี 2019

หลังจากนั้นในท้ายที่สุด เขาใช้เวลาหนึ่งปีครึ่งในการเล่นในสเปน ที่แง่มุมในด้านนี้ในชีวิตของเขากำลังจะสิ้นสุดลง

“ถ้าผมพูดตรงๆ ขาของผมเริ่มไม่ไหว และผมคิดว่า ‘ใช่แล้ว อาชีพของผมยืดยาวมาได้ขนาดนี้’ “เขารำลึกถึงช่วงเวลาดังกล่าว

“ผมสนุกกับมันมานาน และได้เห็นสถานที่ที่งดงามหลายๆ แห่ง และเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากมาย แต่ผมต้องการที่จะได้งานของผม”

“เพราะว่าผมกลับมา (จากอเมริกา) ก่อนกำหนด มันทำให้ผมหงุดหงิดตัวเองนิดหน่อยในเรื่องที่ผมอยากจะจบปริญญา”

นั่นเป็นผลให้โจนส์ไปเรียนต่อด้านการกายภาพบำบัดแบบพาร์ทไทม์ ที่ศูนย์กีฬาแห่งชาติลิลแชล ก่อนร่วมงานกับระบบดูแลสุขภาพแห่งชาติ พร้อมกับเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยซัลฟอร์ดกว่าสี่ปี ก่อนจะได้เข้ามาที่อะคาเดมีของลิเวอร์พูลเริ่มจากงานพาร์ท ไทม์ ในปี 2016 เขารับงานเต็มตัวในฐานะหัวหน้านักกายภาพบำบัดนักเตะระดับยู-9 ถึงยู-16

โจนส์ได้ให้รายละเอียดการไต่ระดับของเขาต่อไปว่า “หลังจากนั้นผมขยับขึ้นมาเป็นผู้ช่วยของรุ่น ยู-18/ยู-23 และทำงานตรงนั้นหนึ่งปี เรามีการหมุนเวียนเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์จากอะคาเดมีไปช่วยงานที่เมลวู้ดสี่สัปดาห์ต่อครั้ง”

“ซึ่งเราจะใช้เวลาประมาณ 4-5 สัปดาห์ที่เมลวู้ด และกลับมา มันเป็นโอกาสทอง เพราะว่าเราได้เห็นสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่ที่นั่น แต่เรายังสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ที่เรามี จากสมัยเป็นนักกีฬาวัยรุ่นสู่สภาพแวดล้อมของทีมชุดใหญ่”

“ถ้าคุณมองดูเด็กๆ ในตอนนี้ อย่างฮาร์วีย์ เอลเลียตต์, เคอร์ติส โจนส์, เนโก้ วิลเลียมส์ พอล กลัตเซล, เซ็ปป์ ฟาน เดน เบิร์ก, คี-จาน่า ฮูเฟอร์ พวกเขาทุกคนได้รับการกลั่นกรองขึ้นไปอยุ่ในระดับทีมสุดท้าย แต่ยังเป็นวัยรุ่นต้องบอกแบบนั้น”

“เราต้องประยุกต์ความรู้ที่เรามี และให้คำแนะนำในฐานะผู้เชี่ยวชาญของเขาในสภาพแวดล้อมที่ใช้รับมือกับคนที่กำลังเติบโตขึ้น คุณต้องมองมันจากหลายๆ มุม มันเป็นโอกาสที่น่าคว้าไว้”

“ผมอยู่ตรงนั้นไปจนจบฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่น่าวิเศษมากที่ได้อยู่ที่นั่น! ผมขอรายงานในช่วงปรี-ซีซั่นเพื่อช่วยเรา และผมโชคดีมากที่พวกเขาขอให้ผมอยู่ต่อในฤดูกาลนี้”

“หน้าที่ของผมตอนนี้ก้าวหน้าขึ้น ดังนั้นผมจึงได้ติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ทุกคนในอะคาเดมี และผู้เล่นเยาวชนที่จะเข้ามาที่เมลวู้ด เพื่ออำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่นสำหรับผู้เล่น และทำให้แน่ใจว่าทุกคนจะได้รับการดูแลทางการแพทย์ที่ต้องการ”

"หนึ่งในการเดินทางครั้งแรกของผมกับสโมสรเป็นตอนที่ผมทำงานแบบพาร์ทไทม์ในโปแลนด์ร่วมกับเนโก้, เคอร์ติส, พอล ตอนที่พวกเขาอายุ 12-13 ปี”

“การที่ได้เห็นพวกเขาผ่านขั้นตอนมาถึงตอนนี้ คุณเกือบจะขึ้นมาพร้อมกับพวกเขา มันค่อนข้างจะน่าตื่นเต้นที่ได้เห็นเคอร์ติสสวมปลอกแขนกัปตันทีมของเขาในตอนนี้ ได้เห็นพอลลงเล่นกับทรานเมียร์ และเนโก้ในตอนนี้”

บทบาทของโจนส์ถือว่ามีความสำคัญ เนื่องจากความต้องการด้านกายภาพบำบัดของวัยรุ่นนั้นแตกต่างอย่างมากกับสมาชิกรุ่นใหญ่ในทีม

เขาอธิบายว่า “แน่นอนว่าทั้งนักเตะอายุน้อย และรุ่นใหญ่ พวกเขาอาจจะเจ็บข้อเท้า, เข่า และสะโพกขึ้นมาได้ทันที แต่กับร่างกายของวัยรุ่น มันแตกต่างไป เพราะบางทีพวกเขายังคงต้องทำความรู้จักร่างกายของตัวเอง”

“พวกเขายังคงต้องพยายามรับรู้ว่า ‘ความเจ็บปวดนี้ หรือนี่เป็นเรื่องของ DOMS (อาการกล้ามเนื้อล้าที่ตามมาภายหลัง)’ หรือ ‘ผมควรจะรู้สึกแบบนี้ไหม?’ “

"ไม่มีอะไรสามารถเตรียมคุณให้พร้อมสำหรับเรื่องนี้ (ในขั้นตอนนี้) คุณต้องสู่กับหนึ่งในสุดยอดของโลกใช่ไหม?”

“กับนักเตะที่อายุมากขึ้น คุณต้องรับมือกับการบาดเจ็บเรื้อรัง โรคที่เรื้อรัง อะไรแบบนี้ที่ทีมแพทย์ และตัวของพวกเขาต้องช่วยกันจัดการ ในขณะที่ร่างกายกำลังเติบโต ปัญหาที่เพิ่มขึ้นในการเติบโตของนักเตะวัยรุ่น”

"อีกส่วนที่สำคัญในหน้าที่ของผมคือการทำให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนนักเตะจากอะคาเดมี จากระดับอะคาเดมีไปสู่สภาพแวดล้อมทีมชุดใหญ่เป็นไปได้อย่างราบรื่น”

“แน่นอนว่าห้องแต่งตัวของทีมชุดใหญ่เป็นที่ที่น่ากลัวในตอนแรก และผมพยายามทำให้แน่ใจว่าผมเป็นจุดเชื่อมต่อแรกสำหรับเด็กๆ สำหรับปัญหาทางการแพทย์ และทั่วๆ ไป บางครั้งมันเป็นเรื่องที่ดีที่เห็นใบหน้าที่เป็นมิตรภายใต้สภาพแวดล้อมที่กดดัน”

ท้ายที่สุดความไว้วางใจ และความสัมพันธ์ที่สร้างขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา คือพื้นฐานในหน้าที่ของโจนส์ ที่ต้องค้นหาการบาดเจ็บของนักเตะหนุ่ม และรุ่นใหญ่ที่เป็นอุปสรรคสำคัญของพวกเขา

“มันเป็นเรื่องของการพัฒนาความเชื่อมั่น ซึ่งพวกเขาไม่คิดว่าคุณจะดึงพวกเขาออกไป (จากการฝึกซ้อม) เพื่อทุกสิ่งทุกอย่าง แต่คุณต้องแน่ใจว่าได้ทำการตัดสินใจที่ปลอดภัยแล้ว”

“ทั้งหมดมันเป็นเรื่องของการสื่อสาร การศึกษา การปล่อยให้พวกเขาได้ทำความรู้จักร่างกายของพวกเขา คุณไม่ได้ดึงพวกเขาออกมา เพราะคุณอยากจะทำ คุณต้องดึงพวกเขาออกมา เพราะมันคือภาพรวม และคุณไม่ต้องการให้มันแย่ลง”

โจนส์ยังเชื่อเช่นกันว่าประสบการณ์ของเขาในฐานะนักกีฬาอาชีพ รวมถึงการเข้าใจในเบื้องลึกเบื้องหลังสามารถช่วยให้พวกเขาเชื่อมโยงกับคนที่เขาต้องดูแลได้

เขากล่าวต่อไปว่า “ผมบอกคุณตรงๆ ผมไม่มีบอกโค้ชว่าผมได้รับบาดเจ็บ ไม่มีทาง ซึ่งผมเข้าใจในเรื่องนี้”

“แน่นอนว่ามันเป็นกีฬาที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง และเด็กๆ เหล่านี้ลงเล่นในระดับสูงที่สุด และผมเข้าใจในเรื่องนี้ แต่ผมเข้าใจว่าคุณต้องเข้าใจกับร่างกายของตัวเอง และนั่นคือความสามารถในการแข่งขัน และความปรารถนาที่จะลงเล่นนำหน้าทุกๆ อย่าง ผมพยายามจะพูดคุยในเรื่องนี้กับพวกเขา”

“ผมยังน่าจะเล่าให้พวกเขาฟังได้เกี่ยวกับความผิดพลาดที่ผมเคยก่อ ทุกๆ กรณีมีความแตกต่างกัน แต่ผมผลักดันสิ่งๆต่าง และวิทยาศาสตร์เข้ามามีส่วนอย่างมากนับตั้งแต่ตอนนี้ผมลงเล่น มันเป็นเกมที่แตกต่างไปจากในตอนนี้”

"กับวิทยาศาสตร์ตอนนี้ เราตรวจสอบทุกอย่างตั้งแต่นาทีที่คุณเดินเข้ามา เรารู้ว่าคุณกำลังกินอะไร ทำอะไร ระยะทางด้วยความเร็วสูงสุดที่ที่คุณไปถึง คุณลดความเร็วได้แค่ไหน คุณยกน้ำหนักได้เท่าไหร่ คุณได้รับการรักษามานานแค่ไหน ทุกสิ่งทุกอย่าง”

“เราสามารถตรวจสอบสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้พวกเขาได้เปรียบขึ้นเล็กน้อย หรือปรับปรุงประสิทธิภาพของพวกเขา มันแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงกับตอนที่ผมลงเล่น ซึ่งเป็นประโยชน์ เพราะผมเคยทำผิดพลาด และอาจได้รับคำแนะนำอย่างผิดพลาดในบางกรณี”

ด้วยภูมิหลังดังกล่าว มันจึงให้คำอธิบายชัดเจนว่าทำไมโจนส์ตั้งใจที่จะเข้าถึงนักเตะ ซึ่งสำหรับเราไม่ใช่แค่งาน แต่เป็นเรื่องของวิชาชีพมากกว่า

“ผมโชคดีมากที่ตัวเองสามารถช่วยเหลือ และแนะนำเด็กๆ ตลอดการเดินทางนี้”เขาสรุป “ผมชอบที่จะเห็นเด็กๆ ผ่านขึ้นมา และได้รับรางวัลจากการทำงานหนักทั้งหมดของพวกเขาในสนามซ้อมกับโค้ชที่ยอดเยี่ยมอย่างเช่น อเล็กซ์ อิงเกิลโธร์ป, แบร์รี ลิวตัส และนีล คริตชลีย์ก่อนที่เขาจะย้ายออกไป”

“ทุกๆ ชั่วโมงที่นับไม่ถ้วนในโรงยิมที่เปิดใช้งานล่วงหน้า การซ้อมยิม และการอยู่ที่นั่นร่วมกับพวกเขา และหลังจากนั้นพวกเขาเริ่มเห็นผลลัพธ์ขั้นสุดท้าย และพวกเขาผ่านพ้นมาได้ มันเป็นแบบ ‘คุณพักได้แล้วเพื่อน ทำได้ดี ดูสิ่งที่คุณทำได้’ “

“ คุณทุ่มเทเวลา และ ความพยายามอย่างมาก และมีอารมณ์ความรู้สึก มันเป็นมากกว่างาน คุณต้องทุ่มเทเวลา ความพยายามอย่างมาก มีหลากหลายอารมณ์ความรู้สึก มันคือทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะคุณต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา คุณต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดกับพวกเขา”

“นี่คือสโมสรลิเวอร์พูล ดังนั้นคุณคาดหวังสิ่งที่ดีที่สุด มาตรฐานที่สูง คุณคาดหวังเหมือนกันจากสิ่งที่คุณทุ่มเทลงไป”

“มันต้องเป็นอย่างนั้น เพราะการจะไปถึงจุดสูงสุด คุณต้องเสียสละ”