เจมี คาร์ราเกอร์ และชาบี อลอนโซ่ ย้อนมองกลับไปถึงการเป็นส่ว่นหนึ่งในค่ำคืนปาฏิหาริย์ที่อิสตันบูล 2005 และคิดว่า ‘เราโชคดีแค่ไหนที่ได้มีส่วนร่วมกับเรื่องนี้?’

ในวันจันทร์นี้จะเป็นการครบอบ 15 ปีการคว้าแชมป์ยูฟา แชมเปียนส์ลีก สมัยที่ 5 ของหงส์แดง ในเกมแห่งความทรงจำเมื่อทีมของราฟาเอล เบนิเตซตามหลังเอซี มิลาน 0-3 ระหว่างพักครึ่ง ก่อนกลับมาชนะในการดวลจุดโทษ และในโอกาสฉลองการครบรอบดังกล่าว ทั้งคาร์ราเกอร์ และอลอนโซ่จะออกมาพูดในรายการของ LFCTV GO ในวันจันทร์นี้

“ผมจดจำที่ได้ดูทีมตำนานของเอซี มิลานปลายยุค 80 และต้นยุค 90 ตามด้วยอาแจ็กซ์ และยูเวนตุส ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้ลงเล่นในระดับนี้” คาร์ราเกอร์กล่าว

“ผมรู้จักนักเตะทั้งหมด ตำนานนักเตะทั้งหมด และผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะดีพอที่จะได้ลงเล่นในระดับนี้ ดังนั้นสำหรับผมการได้มีส่วนในเรื่องนี้เป็นแบบ...”

“คุณพูดถึงนักเตะที่เคยคว้าแชมป์ ผมพูดถึงนักเตะที่อาจจะเป็นสุดยอดนักเตะที่ไม่เคยชนะมัน และคุณคิดว่า ‘ว้าว เราโชคดีแค่ไหนที่ได้มีส่วนกับเรื่องพิเศษแบบนี้?’

“และเราไม่เพียงแต่ได้แชมป์ เรายังลงเล่นนัดชิงชนะเลิศที่จะถูกจดจำตลอดไป ผมคิดว่าโชคดีเป็นสองเท่า”

ดราม่าที่อตาเติร์ก สเตเดียมเป็นเกมสุดท้ายในฤดูกาลแรกของอลอนโซ่ที่ย้ายจากเรอัล โซเซียดาด มาร่วมทีมในช่วงต้นฤดูกาล และเขาเป็นคนช่วยให้ทีมตีเสมอในเกมดังกล่าวจากจังหวะซ้ำลูกจุดโทษของตัวเองที่ถูกดิด้าผู้รักษาประตูมิลานปัดออกมา

“สำหรับผมแล้ว ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก” อลอนโซ่เล่า

“มันเป็นปีแรกของผมกับลิเวอร์พูล การลงเล่นแชมเปียนส์ลีกในปีแรกของผม และการได้ลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศ การเข้ามาถึงรอบนี้ และชนะถ้วยแห่งประวัติศาสตร์ สิ่งที่แวบมาในหัวของผมคือมันแบบเหมือนฝันกับสิ่งที่เกิดขึ้น”

“การได้ลงเล่นนัดชิงชนะเลิศ และรู้ว่าคุณจะเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสโมสร ณ เวลานั้นมีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้นกับผมมากมาย”

“มันเป็นความทรงจำที่ดีมาก ค่ำคืนนัดชิงชนะเลิศแห่งปาฏิหาริย์ ไม่ว่าผมจะไปอยู่ที่ไหน ในสเปน หรือในโลกนี้ พวกเขาจดจำได้ มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของนัดชิงเกมฟุตบอล และนัดชิงชนะเลิศ แชมเปียนส์ลีก นัดชิงบางนัด อย่างสองปีต่อมา มีคนจดจำได้ไม่มากนัก”

“แต่สำหรับนัดนี้ ทุกคนไม่ว่าผมจะไปอยู่ที่ไหน มันอยู่ในความทรงจำ”