มันเป็นบททดสอบอันสั่นประสาทที่มีนักเตะ 11 คนเท่านั้นที่เคยผ่านมันมากับลิเวอร์พูล

กับการสังหารจุดโทษในยูโรเปียน คัพ นัดชิงชนะเลิศ

กับโอกาสชี้เป็นชี้ตายแบบอยู่หรือไป ที่จะมีผลต่อประวัติศาสตร์ของสโมสร ในการแข่งขันฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทวีปที่มีผู้ชมหลายหลายคน

ฟิล นีล (สองครั้ง), สตีฟ นิโคล, แกรม ซูเนสส์, เอียน รัช, อลัน เคนเนดี, ชาบี อลอนโซ่, ดีตมาร์ ฮามันน์, ฌิบริล ซิสเซ่, ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่, วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์ และโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ต่างเคยผ่านมันมาแล้ว

6 คนได้สังหารจุดโทษในวันนี้ 25 พฤษภาคมที่หงส์แดงชูถ้วยบิ๊กเอียร์เก่าเป็นครั้งแรกในปี 1977 และตามด้วยดรราม่าหลังจากคัมแบ็กกลับมาในอิสตันบูล 28 ปีต่อมา

นีลที่ยิงคนแรกในโรมปี 77 บรรจงยิงด้วยข้างเท้าไปทางซ้ายผ่านผู้รักษาประตูของมึนเช่นกลัดบัคให้ลิเวอร์พูล โดยแบร์รี เดวีส์บรรยายว่า “ด้วยการยิงง่ายๆ ถ้วยยูโรเปียน คัพ น่าจะอยู่ในมืออย่างแน่นอน

แต่นีลเผยในเวลาต่อมาว่ามีกระบวนการคิดที่ซับซ้อนในขณะที่เขาเดินไปยิง และพิจารณาว่าเขาจะยิงไปจุดไหน

“ผมต้องบอกว่า ผมเปลี่ยนใจ นั่นเป็นเรื่องที่คนสังหารจุดโทษจะมี่ทางทำในโอกาสแบบนี้”นักเตะที่รับหน้าที่สังหารประตูจากระยะ 12 หลาให้กับหงส์แดงมาแล้วถึง 38 ครั้งกล่าวกับหงส์แดง

“แต่มันอยู่ที่โวล์ฟกัง คไนบ์ เขาสูง 7 ฟุต 4 นิ้ว และผมคิดว่า ‘โอ ข้างโปรดของผมคือด้านซ้ายของผู้รักษาประตู’ ตอนที่ผมวิ่งผมคิดว่า ‘โอ้ ไม่  เขาต้องเคยดูลูกหนึ่งในซูริค’ เพราะผมว่าผมยิงในซูริค (ในรอบรองชนะเลิศ) ดังนั้นจริงๆ แล้วผมเปลี่ยนใจ”

“แต่มันเข้าไป และน่ายินดีมาก เมื่อคุณกลับถึงบ้านคุณจะได้ดูวีดีโอ และทุกๆ คนกระโดดดีใจบนม้านั่งสำรองราวกับพูดว่า ‘เราทำได้ เราคว้าแชมป์ยูโรเปียน คัพ เป็นครั้งแรก’ มันเป็นเรื่องที่พิเศษมาก”

และในวันเดียวกันในปี 2005 และอลอนโซ่ยืนรอยิงจุดโทษที่ถ้าเข้าไป มันจะกลายการคัมแบ็กที่น่าเหลือเชื่อ หลังจากทีมตามหลังเอซี มิลาน 0-3 ในครึ่งแรกแต่ทีมไล่ตามมาเกือบทัน  และนั่นคือความรับผิดชอบครั้งแรกของฐานะนักเตะอาชีพ

“มันเป็นตอนการประชุมทีม (ที่ผมรู้ตัว)”นักเตะสเปนอธิบาย “โดยปกติมันเป็นสตีวี่ แต่เขาพลาดจุดโทษในเกมกับสเปอร์ส (ในเดือนก่อนหน้านี้) ผมไม่เคยยิงจุดโทษมาก่อน”

ราฟาเอล เบนิเตซผู้จัดการทีมมอบหมายให้อลอนโซ่ และแฮร์รี คีเวลล์ยิงจุดโทษให้หงส์แดงในค่ำคืนนั้น แต่รายหลังได้รับบาดเจ็บจนต้องออกจากสนามในครึ่งแรก ส่วนซิสเซ่ที่ยิงจุดโทษเกมสุดท้ายในเกมลีกนัดสุดท้ายยังไม่ได้ลงจากม้านั่งสำรอง ทำให้มันขึ้นอยู่กับอลอนโซ่ ก่อนที่เขาจะยิงไปทางมุมซ้ายซึ่งดิด้าปัดได้ แต่กองกลางรายนี้เข้าไปแก้ตัวซ้ำเข้าไป

“ผมรู้สึกโล่งมากที่ผมซ้ำเข้าไป!”เขากล่าว

การพลาดจุดโทษนั้นมีผลต่อเหตุการณ์ต่อมาในอตาเติร์ก สเตเดียม เมื่อผ่านช่วงต่อเวลาพิเศษแล้วยังเสมอกัน 3-3 และทั้งสองทีมจำเป็นต้องดวลจุดโทษ

“ผมคิดว่าตัวเองต้องเป็นหนึ่งในคนยิง”อลอนโซ่เล่า “ดังนั้นผมจึงถามราฟา ‘ผมต้องยิงไหม?’ และเขาบอกผมว่า ‘ไม่ นายไม่ต้องยิง’ นั่นคือวิถีทางของราฟา!’ “

ซิสเซ่ได้โอกาสแทนในการดวลจุดโทษ หลังจากขาหักในฤดูกาลแรกในแอนฟิลด์ กองหน้ารายนี้มองว่าเป็น ‘โอกาส’ เมื่อเขาได้ยิงจุดโทษ โดยเขารับหน้าที่เป็นคนที่สองหลังจากนั้นแซร์จินโญ่ และอันเดรีย ปีร์โล่พลาดให้กับมิลาน ขณะที่ฮามันน์เพื่อนร่วมทีมของเขายิงเข้าไป

“พูดตามตรง ผมค่อนข้างนิ่ง เพราะว่าสถานการณ์ทั้งหมดที่ผมผ่านมาตลอดทั้งปี ผมได้รับบาดเจ็บมาเกือบทั้งฤดูกาล สำหรับผมมันเหมือนโบนัส และของขวัญที่ผมได้อยู่ที่นั่น”ซิสเซ่กล่าว

“ดังนั้นผมเป็นแบบ ‘ผมต้องเครียดอะไร?’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนักเตะมิลานพลาดก่อนหน้าผมไปสองคน ผมเป็นแบบถ้าผมพลาดมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ผมรู้ว่าตัวเองต้องยิงให้ได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม ดังนั้นมันไม่เป็นปัญหา จริงๆ แล้วผมนิ่งมาก”

ซิสเซ่เกือบจะทำเหมือนกันในการยิงจุดโทษที่นีลพูดถึงในปี 1977 ถึงกระนั้น...

“ทันทีที่ผมรู้ว่ามันถึงตาของผม ผมรู้ว่าตรงไหนที่ผมจะยิงเข้าไป”เขาเริ่มย้อนความทรงจำในวันนี้เมื่อ 15 ปีก่อน

“แต่เรื่องคือตอนคุณเดินไปไกล ดิด้าตัวใหญ่มาก! เขาเป็นคนตัวใหญ่ คุณต้องเข้าไปใกล้ๆ เข้า และเขาจะใหญ่ขึ้นๆ... ผมเป็นแบบ ‘ว้าว ผมอาจจะต้องยิงแรงๆ’ นั่นคือวิธียิงจุดโทษตามปกติของผม ผมมักจะใช้พลัง”

“ผมเป็นแบบ ‘ไม่ ผมต้องเปลี่ยนใจ และยึดตามไอเดียแรก และโชคดีมากที่ผมเปลี่ยน”

ลิเวอร์พูลได้แชมป์ยุโรปที่อิสตันบูลหลังเจอร์ซีย์ ดูเด็คหยุดลูกยิงของอันเดร เชฟเชนโก้ แต่มันแตกต่างจากปี 1984 ที่อลัน เคนเนดียิงประตูชัยก่อนหมดเวลา 9 นาทีในเกมกับเรอัล มาดริดในปี 81 หลังจากนั้นสามปี หลังจากเสมอกับโรม่า 1-1 ใน 120 นาทีในสตาดิโอ โอลิมปิโก้ แบ็กซ้ายรายนี้ต้องรับหน้าที่ยิงจุดโทษในช่วงเวลาที่กดดันที่สุดในประวัติศาสตร์

“ผมไม่คิดว่าตัวเองอยู่ระดับท็อปในรายชื่อคนยิงจุดโทษถ้าพูดตามตรง ผมถูกเสนอ หรือบังคับ ให้ยิงจุดโทษหนึ่งลูก คำว่าบังคับน่าจะเป็นคำพูดที่ถูก!” เคนเนดีที่พลาดจุดโทษสองครั้งในทัวร์นาเมนต์ช่วงปรีซีซั่นกล่าว

“ตอนที่ผมก้าวไปยิงจุดโทษ ผมเล่าให้คุณฟังได้เลยว่าขาทั้งสองข้างของผมสั่น และมันสั่นหนักมาก ผมไม่พูดตรงๆ ว่าไม่อยากยิงจุดโทษ เพราะผมคิดว่า ‘ผมจะทำให้คนเหล่านี้ผิดหวังไม่ได้’ “

เมื่อถึงเวลาที่เคนเนดี้เดินไปยิง ถ้วยก็รออยู่จากการพลาดของฟรานเซสโก้ กราซิอานี่ ทำให้หงส์แดงนำ 3-2 หลังทั้งสองทีมยิงไป 4 ครั้ง แต่อาการตื่นเต้นของเคนเนดี้ไม่เป็นที่สังเกตเห็น เมื่อเขายิงเสียบมุมซ้ายอย่างแม่นยำ กลายเป็นครั้งที่สองที่เขายิงให้ทีมการันตีแชมป์ยุโรป

“ผมไม่ได้ทำเป็นกิจวัตร”เขาอธิบาย “ผมไม่กล้าพอที่จะยิงไปตรงกลางประตู หรือยิงไปในทิศทางที่ผมหวัง หรือให้เข้าเป้า”

“ในท้ายที่สุดผมแค่เปิดมุม และแกล้งทำเป็นว่าผมจะยิงไปทางซ้ายของผู้รักษาประตู และยิงไปทางขวา และมันออกมาออกมาน่าเหลือเชื่อ”

“มันเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมในชีวิตของผมในแง่ของของเกมฟุตบอล และน่าจะเป็นในชีวิตของผมด้วย ผมทำให้ตัวเอง และผู้คนมากมายมีความสุข”

“ผมต้องบอกว่ามันเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดเท่าที่ใครก็ตามจะมีในชีวิตของพวกเขา ถ้ามีใครบอกคุณว่า ‘คุณจะมีโอกาสได้แชมป์ยูโรเปียน คัพ ด้วยการยิงลูกเดียว คุณจะเอาหรือไม่?’ แน่นอนว่าคุณจะเอาแน่!”