Match Report: ลิเวอร์พูลถล่มพาเลซ 4-0 ที่แอนฟิลด์
ลิเวอร์พูลเข้าใกล้ความสำเร็จในฤดูกาลนี้ไปอีกก้าว เมื่อเปิดแอนฟิลด์ถล่มคริสตัล พาเลซ ไปด้วยสกอร์ 4-0 โดยได้ประตูจากเทรนต์, ซาลาห์, ฟาบินโญ่ และมาเน่
รายชื่อนักเตะ
11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โกเมซ, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ่, เฮนเดอร์สัน, ไวจ์นัลดุม, มาเน่, ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่
สำรอง: อาเดรียน, ลอฟเรน, เกอิต้า, อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, มินามิโนะ, โอริกี, โจนส์, เอลเลียตต์ และวิลเลียมส์
จังหวะสำคัญในเกม
- นาที 23 อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยิงฟรีคิกให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0
- นาที 44 ซาลาห์ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 2-0
- นาที 55 ฟาบินโญ่ยิงไกลให้ลิเวอร์พูลนำ 3-0
- นาที 69 มาเน่ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 4-0
เกมในครึ่งแรก
ทีมลิเวอร์พูลกลับมาลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีกที่แอนฟิลด์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการระบาดของโควิด-19 โดยกลุ่ม Spion Kop ได้เข้ามาตกแต่งแอนฟิลด์ด้วยธง และป้ายผ้าต่างๆ ให้อัฒจันทร์สวยงามอีกครั้ง
ในช่วง 10 นาทีแรก ลิเวอร์พูลได้โอกาสทองถึงสองครั้ง โดยครั้งแรกในนาที 7 แต่ไวจ์นัลดุมยิงไม่เข้ากรอบ และนาที 10 เฮนเดอร์สันได้วอลเลย์หลังมาเน่โชว์ทักษะเฉพาะตัว แต่บอลเหินข้ามคาน
จากนั้ยในจังหวะเปิดจากหลัง เฟอร์มิโน่ได้ยิงแต่ยังถูกเซฟไว้ได้ ในนาที 17 ก่อนที่ในนาที 21 ลิเวอร์พูลจะได้ฟรีคิกหลังฟาน ไดจ์ค ถูกชนล้มลงหน้ากรอบโทษ และเป็นอล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยิงบอลโค้งหนีกำแพงเข้าไปอย่างสวยงาม ให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0
ลิเวอร์พูลเกือบได้ประตูนำอีกครั้งในนาที 28 หลังเฮนเดอร์สันวอลเลย์ไปชนเสา และฟาน ไดจ์ค เข้าซ้ำไม่ทัน
ฟาบินโญ่ถูกทำฟาวล์ ในนาที 33 ก่อนที่จะรับหน้าที่ยิงฟรีคิก แต่บอลไม่เข้ากรอบ และในนาที 36 ไวจ์นัลดุมได้โอกาสอีกครั้งจากบอลของมาเน่ที่เห็นดุมยืนในกรอบ แต่น่าเสียดายที่บอลเฉี่ยวเสาออกไป
ในช่วงท้ายครึ่งแรก นาที 42 ลิเวอร์พูลเกือบเสียประตูจากจังหวะของเมเยอร์ แต่ไม่เข้ากรอบ
แต่ในนาที 44 ลิเวอร์พูลมาได้ประตู 2-0 จากจังหวะที่ฟาลินโญ่ตักบอลวางยาวมาให้ซาลาห์ ที่วิ่งขึ้นมายิงเข้าไปอย่างสวยงาม
ทดเวลาบาดเจ็บ 2 นาที
เกมในครึ่งหลัง
ลิเวอร์พูลกลับมาลงเล่นในครึ่งหลัง โดยยังไม่มีการเปลี่ยนตัว และในนาที 52 ซาโก้ส่งคืนหลังสั้น ซาลาห์เกือบได้โอกาสวิ่งไปฉกบอล และในนาทีต่อมาโรเบิร์ตสันได้ยิงจากจังหวะโต้กลับ
แต่ลิเวอร์พูลมาได้ประตูขึ้นนำ 3-0 จากฟาบินโญ่ ฉลองนัดที่ 50 ของเขาในพรีเมียร์ลีก ด้วยลูกยิงไกลสุดสวยที่พุ่งเข้าประตูไปแบบหมดสิทธิ์รับ
คล็อปป์ส่งอ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ลงเล่นแทนเฮนดอร์สัน ในนาที 64 และปลอกแขนกัปตันทีมไปอยู่ที่ฟาน ไดจ์ค
ลิเวอร์พูลมาได้ประตูที่ 4 จากการประสานงานของซาลาห์ และมาเน่ โดยซาลาห์จ่ายให้มาเน่อย่างพอดี ก่อนมาเน่จะยิงเสียบเสาไปอย่างสวยงาม ในนาที 69
จากนั้นในนาที 74 คล็อปป์ส่งมินามิโนะ และวิลเลียมส์ มาแทนเฟอร์มิโน่ และเทรนต์ และในนาที 83 คล็อปป์ส่งเกอิต้า และเอลเลียตต์มาแทนโรเบิร์ตสัน และมาเน่
ในช่วงก่อนหมดเวลา 90 นาที ลิเวอร์พูลได้เตะมุมโดยเอลเลียตต์ แต่ไม่อันตรายอะไร
จากจังหวะในนาที 90+1 วิลเลียมส์แทงบอลให้ซาลาห์หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่เสียดายที่ลูกยิงถูกสกัดออกไป และซาโก้ก็ยังเข้ามาสกัดลูกยิงของวิลเลียมส์ที่เข้ามาซ้ำในนาที 90+3 รวมทั้งในนาทีต่อมาวิลเลียมส์ได้ล็อคหลบและยิง แต่เข้ามือผู้รักษาประตู และนั่นเป็นจังหวะสุดท้ายของค่ำคืนนี้
ลิเวอร์พูลเก็บ 86 คะแนนหลังจากผ่านไป 31 นัด และต้องการอีกเพียง 2 คะแนนเพื่อเป้าหมายสำคัญในฤดูกาลนี้