เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค จะไม่มีวันเหนื่อยหน่ายต่อการประกาศตัวอย่างภาคภูมิใจว่าเขาได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกกับลิเวอร์พูล

นักเตะหมายเลข 4 ได้ชูถ้วยแขมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษอย่างเป็นทางการระหว่างการเฉลิมฉลองอันเฉพาะเจาะจงบนอัฒจันทร์เดอะ ค็อป เมื่อค่ำคืนวันพุธที่ผ่านมา

มันคือแชมป์รายการที่ 4 ของฟาน ไดจ์ค ในฐานะนักเตะลิเวอร์พูลตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมในเดือนมกราคม 2018 และถ้วยรางวัลใบล่าสุดนี้ คือ หนึ่งในถ้วยรางวัลที่เขาอยากชูขึ้นเหนือศีรษะจนแทบรอไม่ไหว

“เราคว้าถ้วยพรีเมียร์ลีกมาได้ในที่สุด และมันคือฝันที่กลายเป็นจริงสำหรับพวกเราทุกคน” กองหลังชาวดัตช์กล่าวกับสกาย สปอร์ตส์

“มันต้องรอคอยนานไปหน่อยสำหรับบรรดาแฟนบอลลิเวอร์พูลทั่วโลกและแน่นอนว่าสำหรับเราด้วย”

“มันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม เป็นความรู้สึกอันสุดมหัศจรรย์ที่ได้พูดว่าผมคือแชมป์พรีเมียร์ลีกและเด็ก ๆ ทุกคนก็เช่นกัน”

ทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ คว้าแชมป์ลีกได้ตั้งแต่เดือนที่แล้วโดยทำสถิติเป็นแชมป์ที่ยังเหลือเกมการแข่งขันในฤดูกาล 2019-20 อีกถึง 7 เกม

ฟาน ไดจ์ค เชื่อว่าความสำเร็จของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้เกิดขึ้นได้เพราะความหิวกระหายที่วิ่งพล่านอยู่ในทีมและสภาพจิตใจที่ถูกส่งมาในระดับสูง

เขาอธิบายว่า “มันยากมากที่จะรักษาความคงเส้นคงวาเอาไว้อย่างมี่เราเป็นในปีนี้”

“เมื่อเราลงเล่นเกมสุดท้ายของฤดูกาลกับวูล์ฟส์ที่นี่ ไบรท์ตันพ่ายแพ้และในท้ายที่สุดซิตี้ชนะ เห็นได้ชัดว่าเราผิดหวัง แต่มันเป็นเหมือนว่า ‘เราจะคว้ามันได้ในปีหน้า’ นั่นคือความรู้สึกที่เราทั้งหมดมี”

“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความมุ่งมั่นที่ผู้จัดการทีมได้นำเข้ามาในแต่ละเกมที่อยู่ตรงหน้าคุณ นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เราจะไม่ไปโฟกัสกับอะไรในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า เราโฟกัสกับเกมที่อยู่ตรงหน้าเรา ถ้ามันเป็นวันพุธหรือวันเสาร์ เราไม่ได้คิดถึงอนาคต สภาพจิตใจแบบนั้นช่วยเราได้มาก”

“เราค้นหาหนทางที่จะชนะได้เสมอ เราทำมันมาตลอดทั้งฤดูกาล เราได้ผลการแข่งขันที่สำคัญ เช่น เกมเยือนแอสตัน วิลลา และวูล์ฟส์ ช่วงเวลาเหล่านั้นที่เราดำดิ่งลงไป ค้นหาวิถีทางและเก็บผลการแข่งขันที่เราต้องการได้”

“มันคือสภาพจิตใจของกลุ่มนักเตะที่เรามี การทำงานหนักที่เราทุ่มลงไประหว่างการฝึกซ้อมในทุกวัน และกลุ่มของนักเตะที่แสนพิเศษสุด ๆ”

“เราออกไปที่นั่นบนสนาม ทุกคนเข้าใจซึ่งกันและกัน บนสนาม ทุกคนอยู่ที่นั่นเพื่อช่วยเหลือกัน ทุกคนต้องการจะสู้เพื่อกันและกัน นั่นคืออะไรที่น้อยที่สุดที่บรรดาแฟนบอลลิเวอร์พูลต้องการเห็นจากเรา และนั่นคือสิ่งที่เราทั้งหมดต้องการจากตัวของเราเองด้วย”