เคอร์ติส โจนส์ ‘ตื่นเต้นมาก’ กับอีกก้าวสำคัญในพัฒนาการของเขาเมื่อรับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 2019-20 ของพรีเมียร์ลีก 2

ดาวเตะเลือดสเก๊าเซอร์ทำไป 9 ประตูก่อนที่พีแอล 2 จะปิดฉากไปก่อนกำหนดเนื่องจากการระบาดของโควิด-19

ดาวเตะวัย 19 ปีเอาชนะการแข่งขันจากบิลลี กิลมอร์ (เชลซี), จาห์มัล เฮคเตอร์-อินแกรม (ดาร์บี), เลียม คัลเลน (สวอนซี), เรย์ฮาน ทัลลอช (เวสต์บรอม) และนาธาน ฮอลแลนด์ (เวสต์แฮม)ในการคว้ารางวัลนี้

นอกจากความสำเร็จในอะคาเดมี เขายังลงเล่น 12 เกมในทีมชุดใหญ่ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ และทำประตูในเกมเอฟเอ คัพ แห่งความทรงจำเหนือเอฟเวอร์ตันในเอฟเอ คัพ และยิงจุดโทษตัดสินเกมกับอาร์เซนอลในคาราบาว คัพ และนี่คือสัมภาษณ์พิเศษของเขากับ Liverpoolfc.com ถึงฤดูกาลแห่งความทรงจำ...

เคอร์ติส, ขอแสดงความยินดีที่ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก 2 มันมีความหมายกับคุณแค่ไหน

สำหรับผมมันเป็นรางวัลใหญ่มาก ผมสนุกกับฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมกับทีมชุดใหญ่ ดังนั้นไม่ว่าตอนไหนที่ผมลงไปเล่นทีมยู-23 ผมมักจะพยายามทุ่มเทมันลงไป 100 เปอร์เซ็นต์ ผมต้องขอขอบคุณอย่างยิ่งกับทีมงานยู-23 ที่นั่น ไม่ว่าจะเป็นคริตช์ (นีล คริตชลีย์), เจงค์ส (ทิม เจนกินส์) และแบร์รี่ (ลิวตัส)กับทีมยู-19 ผมต้องขอบคุณเพื่อนร่วมทีม และต้องให้เครดิกับพวกเขาเช่นกัน ผมตื่นเต้นมาก

คุณทำไป 17 ประตูให้ทีมยู-23 และทีมยู-19 ในยุโรป รวมแล้วทำไป 20 ประตูในฤดูกาลนื้กับอีก 3 ประตูในทีมชุดใหญ่ คุณมีความสุขแค่ไหนในเรื่องนี้

ผมคิดว่าถึงการทำงานมา 2-3 ปีร่วมกับอเล็กซ์ (อิงเกิลโธร์ป), แบร์รี และคริตช์ ผมพูดคุยเกี่ยวกับความต้องการที่จะทำประตูมากขึ้นเสมอ และเมื่อผมลงฝึกซ้อมผมมักจะแก้ไขในเรื่องนี้ ผมมีฤดูกาลนั้นกับสตีเวน เจอร์ราร์ดตอนที่ผมทำได้หลายประตู และหลังจากนั้นผมได้ขึ้นมาอยู่ทีมยู-23

ตอนแรกผมไมได้ลงเล่นเกมมากอย่างที่ผมอยากจะลงเล่น แต่ผมให้ความเคารพเจ้านาย และทีมงานเป็นอย่างยิ่ง และผมต้องขอบคุณพวกเขาในการเก็บผมไว้อยู่กับทีม

ฤดูกาลที่แล้วผมมีเกมเยอะมาก และผมรู้สึกว่ามีบทบาทสำคัญขึ้น เพราะว่ามีเกมที่เด็กๆ มองมาที่ผมเพื่อดูว่าผมจะสอดขึ้นทำอะไรบางอย่าง และผมคิดว่าสถิติแสดงให้เห็นว่าผมทำมันได้เมื่อจำเป็น ดังนั้นกับ 17 ประตู หรือ 20 รวมกับทีมชุดใหญ่ และผมหวังว่ามันจะตามมาอีกมากมายในอนาคต

ตัวคุณเองก็ยังเด็ก แต่เราเห็นกันก่อนหน้านี้ว่าทีมยู-23 อายุน้อยมาก เช่น ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ยังอายุแค่ 16 ปี, เนโก้ วิลเลียมส์ก็อยู่ในทีมกับคุณ, เด็กๆ อย่างทอม ฮิลล์, เลย์ตัน สจ็วร์ต และเจมส์ นอร์ริส จากทีมยู-18 คุณเป็นกัปตันทีม ซึ่งคุณมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้นำเด็กๆ และให้กำลังใจพวกเขา?

ใช่ แน่นอนที่สุด ผมเคยผ่านจุดเดียวกับพวกเขามาก่อนตอนที่ผมยังอายุน้อย และเข้ามาอยู่ในทีม มีความกดดันในตัวคุณนิดหน่อยจากเด็กคนอื่นๆ เพราะนั่นคือเหตุผลที่คุณอยู่ที่นั่น

เด็กๆ รู้ว่าพวกเขามีความสามารถที่จะเล่นได้ดี ทำประตูได้ หรือเด็กอย่างชัค (นอร์ริส) มักจะเข้าสกัดจังหวะสำคัญๆ ช่วยให้เรายังอยู่ในเกม และอะไรแบบนี้ แต่ผมคิดว่ามันแตกต่างอย่างมากกับการเล่นให้ทีม ยู-23 เทียบกับทีมยู-16 หรือยู-18

มันคือก้าวสำคัญ แต่ไม่ว่าจะเป็นเด็กคนไหนที่ผมเคยเล่นด้วย ต่างเล่นอย่างจริงจัง และทำให้ได้โดดเด่น และทุกครั้งที่ผมลงเล่นกับพวกเขา ผมสนุกกับมันมาก และแม้ว่าจะเป็นทีมอายุน้อยมันก็ยอดเยี่ยมมาก

คุณได้สัมผัสมาแล้ว แต่อเล็กซ์ อิงเกิลโธร์ป, คริตช์ และแบร์รี ลิวตัส มีอิทธิพลต่อคุณมากแค่ไหน เพราะผมรู้ว่าคุณได้รับคำแนะนำ และกำลังใจจากพวกเขาเป็นอย่างมากจนถึงตอนนี้

แน่นอนที่สุด ผมคิดว่าพวกเขาเป็นคนสามคนที่ลงตัวมากเท่าที่ผมจะมีในอะคาเดมี ในแง่การทำให้ผมถ่อมตัว และติดดิน บอกผมตอนที่ผมทำได้ดี และตอนที่ผมต้องการแรงกระตุ้น หรือเตะก้นผม! มันลงตัวกับผมมากที่มีสามคนนี้อยู่รอบตัว และรู้ว่าตอนไหนต้องผลักดันผมในช่วงอายุต่างๆ มันสมบูรณ์แบบมาก

มีช่วงเวลาที่โดดเด่นมากในฤดูกาลของพรีเมียร์ลีกในตอนนั้น...คุณทำได้สองประตูในเกมเสมอนัดเยือนอาร์เซนอล 2-2 ตอนที่คุณเจอเฮคเตอร์ เบลเลริน นักเตะทีมชุดใหญ่ของพวกเขาประกบ มันต้องเป็นบ่ายที่น่าพอใจแน่ เมื่อคุณแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่คุณทำได้กับนักเตะที่มีประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีก

ผมชอบความท้าทาย เมื่อใดก็ตามที่คุณเผชิญหน้ากับนักเตะรุ่นใหญ่ที่ลงเล่นให้ทีมยู-23 คนที่กลับมาเรียกความฟิต ผมชอบความรู้สึกนี้ เพราะว่ามันคือโอกาสจะก้าวหน้า และแสดงให้เห็นว่าผมพร้อมแล้วกับก้าวต่อไป แน่นอนว่าเบลเลรินเป็นนักตะทีมชุดใหญ่ของอาร์เซนอล และผมโชคดีที่ทำได้ 2 ประตู และผมจำได้ว่าผมน่าจะทำได้อีกสองประตู ดังนั้นมันแสดงให้ถึงสิ่งที่ผมสามารถทำได้ เขาเป็นกองหลังที่ยอดเยี่ยมที่ผ่านอาชีพที่ยอดเยี่ยม แต่ผมทำได้ในสิ่งที่ผมทำในวันนั้น

ในชัยชนะ 5-0 เหนือเซาท์แฮมป์ตันในเคิร์กบีเป็นค่ำคืนที่ดุเดือดเช่นกัน เมื่อคุณมีความพยายามทำประตูหลายครั้ง และหลังจากนั้นก็ทำประตูได้อย่างน่าทึ่ง...

ไม่ว่าผมจะลงเล่นตอนไหนผมไม่สนว่าสภาพสนามจะดี หรือแย่ ผมยังอยากจะโชว์ฟอร์มให้ดี และไม่โทษสภาพสนาม แต่ฝนตกหนักมากจริงๆ และเราเปียกโชก และเราต้องเปลี่ยนชุดในช่วงพักครึ่ง! ผมเป็นคนที่มักจะยากทำประตูเสมอ

ผมมองไปที่โม และผมดูซาดิโอ และบ็อบบี้ และเห็นหลายๆ ครั้งที่ผมพวกเขายิงประตูในเกมต่างๆ นั่นคือสิ่งที่ผมพยายามจะเพิ่มมันเข้ามาในเกมการเล่นของผม แต่แนอนว่าคุณต้องพยายามหาสมดุล และตัดสินใจให้ถูกต้องว่าจะยิง หรือจะเลี้ยง และค่อยจ่าย

ในเกมนั้นผมคิดว่าตัวเองโลภเกินไปนิดหน่อย และยากจะทำประตู แต่ผมมีความสุขที่ทำประตูได้ในตอนท้าย เด็กๆ คนอื่นๆ เช่นกัน ดังนั้นผมต้องขอบคุณพวกเขาที่หูไม่แตกซะก่อน!

เกี่ยวกับแฮตทริกที่ทำได้อย่างรวดเร็วในเกมกับซันเดอร์แลนด์ที่เคิร์กบีในช่วงเวลาประมาณ 8 นาทีเท่านั้น  ในเกมยู-23 นัดสุดท้ายก่อนล็อกดาวน์

เหลืออีก 10 นาที เพราะว่าผมที่ถามกรรมการได้ว่าเหลือเวลาเท่าไหร่ เขาบอกผมว่า 10 นาที และผมบอกตัวเองว่า ‘ผมมีเกมที่ดี แต่ผมอยากจะทำอย่างน้อยหนึ่งประตู’

หลังจากที่ผมทำประตูแรกได้ และผมไม่รู้ว่าผมคิดว่า ‘เอาอีก!’ ผมชอบมันตอนที่ผมพลิกบอลด้วยเท้าขวา และหลังจากนั้นปั่นโค้งเสียบสามเหลี่ยม

ผมรู้ว่าเหลือเวลาอีกไม่มาก และสิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาผมไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้น ผมแย่บอลได้ทางซ้าย และผมจ่ายขึ้นไปให้เลียม มิลลาร์ ผมวิ่งเข้าไปในเขตโทษ และโจ ฮาร์ดี้ ที่ทำแฮตทริกได้เช่นกัน ผมคือผม ผมแค่อยากจะวิ่งเข้าไปในเขตโทษ และไปถึงก่อนพวกเขา และต้องขอบคุณมิลลาร์ที่ครอสสวยๆ มาให้ผม และทำแฮตทริกได้ใน 8 นาที ดังนั้นมันเป็นเกมที่ยอดเยี่ยมสำหรับผม

สำหรับกัปตันทีม ยู-23 มาจนถึงการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก คุณบรรยายอารมณ์ตอนที่เจอร์เก้นส่งคุณลงเล่นเนกมกับเชลซี และคุณรู้ว่าเหรียญแชมป์จะอยู่กับคุณหน่อย?

ตลอดฤดูกาลเรารู้ว่ามีโอกาสสูงที่จะได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ผมหวัง และภาวนาว่าจะได้ลงเล่นในสนามบ้าง ผมคิดว่าเหรียญรางวัลเป็นเรื่องนอกเหนือสิ่งที่ผมคิดในตอนนั้น และผมคิดถึงการลงเล่น และเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากกว่า และแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ผมทำได้ เราได้แชมป์ลีกเรียบร้อย และผมคิดว่าเวลานั้นผมต้องการอีก 3-4 เกม(เพื่อให้ผ่านเงื่อนไข)

ผมรู้ว่าผู้จัดการทีม และทีมงานเป็นแบบไหน หากพวกเขาจะให้คุณลงเล่น และให้เหรียญรางวัลกับคุณล่ะก็ พวกเขาจะทำ ผมคิดว่าในเวลาเดียวกันผมได้โอกาสต่อในสนาม และลงเล่น โอเคที่จะมีพูดว่า ‘เขามีเด็กๆ และเขาให้ลงเล่นเกมที่เหลือ และเขาเหลืออีกแค่เกมเดียวที่จะได้เหรียญ’ แต่ไม่มีใครมองเห็นจริงๆ ว่าผมทำงานหนักแค่ไหนในสนามว้อม

ตอนที่ผมลงเล่นทีมชุดใหญ่แล้วผมทำประตูได้ และเล่นได้ดี และตอนที่ผมเล่นให้ทีมยู-23 ทัศนคติของผมดีมาก ซึ่งผมโชคดีพอที่จะได้รางวัลนักเตะแห่งปีของพรีเมียร์ลีก 2 มันแสดงให้เห็นถึงการทำงานหนักทั้งหมด ความมุ่งมั่น ทัศนคติที่ดีที่ให้ผลตอบแทนในตอนท้าย ผมแค่อยากจะขอบคุณผู้จัดการทีม และทีมงานที่ให้โอกาสกับผม และผมรอคอยโอกาสอีกมากมายในอนาคต

ในฐานะแฟนบอล และนักเตะลิเวอร์พูล มันพิเศษแค่ไหนที่คุณได้อยู่บนแทนรับรางวัลบนเดอะ ค็อป ตอนที่จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก

เราอยากจะอยู่กับแฟนๆ ที่นั่น เพราะว่ากำลังใจของพวกเขาทำให้เราเดินหน้าต่อ แต่ผมคิดว่าในช่วงเวลาที่ยากลำบากทางเดียวคือเราต้องฟังกฎ และตัวเราเองต้องปลอดภัยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งเราต้องทำมันในวิธีการที่ถูกต้อง แต่มันแค่น่าเหลือเชื่อมาก! ไม่มีคำใดจะอธิบายได้ตรงที่สุดว่าผมรู้สึกอย่างไร

ประตูชัยจากจุดโทษในเกมกับอาร์เซนอลต่อหน้าอัฒจันทร์เดอะ ค็อป ประตูชัยในเอฟเอ คัพ กับเอฟเวอร์ตัน การเป็นกัปตันทีมชุดใหญ่ในชัยชนะในเอฟเอ คัพเหนือชรูว์สบิวรีที่แอนฟิลด์ เมื่อคุณนั่งลง และย้อนมองสิ่งที่เกิดขึ้น คุณเชื่อไหมว่ามันเกิดขึ้น?

ผมทำได้ แต่แทบไม่เชื่อ ผมคิดว่าคุณทุกคนรู้ว่าผมเป็นคนแบบไหน และผมเจียมเนื้อเจียมตัวมากนอกสนาม แต่ทันทีที่ผมลงเล่นฟุตบอล ผมว่าผมสามารถทำเรื่องดีๆ ได้ ผมมักจะรู้ว่าตอนที่ผมลงสนามผมจะโชว์ฟอร์ม ทุ่มเทมันลงไปทุกอย่าง และพยายามจะแสดงให้เห็นแววบางอย่างว่าผมพร้อมที่จะไปอีกระดับ ในแง่ทุกอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เพราะมันเกิดขึ้นต่อเนื่อง มันทำให้ผมเซอร์ไพรส์นิดหน่อย แต่ผมเป็นเด็กที่มีความมั่นใจ และผมพร้อมกับอะไรก็ตามที่รออยู่ ซึ่งผมจะเตรียมพร้อม ผมทำได้ และประสบความสำเร็จในเรื่องต่างๆ เหล่านี้

ผม (สตีฟ ฮันเตอร์ ผู้สัมภาษณ์) จำปีก่อนที่พูดคุยกับคุณกับคุณที่อะคาเดมี และแม้จะเป็นฤดูกาลที่คุณสอดแทรกลงเล่นทีมชุดใหญ่ คุณจะไม่ได้พอใจกับตัวเองมากเกินไป คุณตั้งมาตรฐานของตัวเองไว้สูง ดังนั้นคุณต้องภาคภูมิใจกับฤดูกาลที่แล้ว และตอนนี้ได้มอบฐานที่ยิ่งใหญ่ที่จะต่อยอดต่อไปในอนาคต...

ใช่ การเล่นให้กับลิเวอร์พูลผมคิดว่าคุณต้องวางฐานไว้สูงมากไม่ว่าทางใด ไม่ใช่แค่เป้าหมายส่วนตัวของผมเอง รูปแบบที่นี่แตกต่างจากที่อื่นในแง่ทีมที่คุณต้องพยายามสอดแทรกลงเล่น เป้าหมายที่คุณมีที่สูงกว่าเดิม สำหรับนักเตะอายุน้อยๆ อย่างผม การได้โอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่ และแสดงให้เห็นสิ่งที่ผมสามารถทำได้ ผมขึ้นว่ามันขึ้นอยู่กับผมที่จะตอบแทนพวกเขา กับความสำเร็จที่เป็นโบนัสคือเวลาในสนาม ประตู โอกาสต่างๆ และเหรียญรางวัล ทุกครั้งที่ผมถูกเรียกใช้งานผมจะพร้อมเสมอ