ลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบที่ 4 ของคาราบาว คัพ อย่างง่ายดาย หลังถล่มเอาชนะลินคอล์น ซิตี้ ขาดลอย 7-2 ในค่ำคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

ฟรีคิกสุดอัศจรรย์จากเซอร์ดาน ชากิรี เบิกสกอร์แรกที่แอลเอ็นอีอาร์ สเตเดียม ก่อนที่สองประตูจากทาคุมิ มินามิโนะ และเคอร์ติส โจนส์ จะเพิ่มสกอร์ตามด้วยลูกยิงท้ายเกมของมาร์โก กรูยิช และดิว็อค โอริกี

และนี่คือ 5 ประเด็นที่น่าสนใจจากเกมในรอบที่สาม…

‘พรสวรรรค์อันโดดเด่น’

อีกหนึ่งฟอร์มการเล่นที่มีชีวิตชีวา และมีประสิทธิภาพจากโจนส์ ที่ส่งผลให้เขาคว้ารางวัลแมน ออฟ เดอะ แมตช์

“ทุกเกมที่ผมลงเล่นมันคือโอกาสสำหรับผม และเพื่อนๆ คนที่เหลือ ทุกๆ เกมที่ผมถูกเรียกตัว ผมมักจะพูดเสมอว่าผมจะทุ่มเท 100 เปอร์เซ็นต์ นั่นคือสิ่งที่ผมพยายามจะทำ”สเก๊าเซอร์วัย 19 ปีกล่าวหลังจบเกม

“ผมคิดว่าฟอร์มที่แสดงออกมา และการแสดงให้เห็นแววของสิ่งที่ผมทำได้ แต่ผมยังคงมีหลายอย่างให้ต้องเรียนรู้ และผมต้องอดทน และเวลาของผมจะมาถึง”

สองประตูที่ยอดเยี่ยมของโจนส์ในครึ่งแรกทำให้เขากลายนักเตะที่อายุน้อยที่สุดทที่ทำสองประตูขึ้นไปในเกมเดียวให้กับหงส์แดง นับตั้งแต่ราฮีม สเตอร์ลิงทำในเกมกับนอริช ซิตี้ ย้อนกลับไปในเดือนเมษายน 2014 และดาาวเตะที่ขึ้นมาจากอะคาเดมีตอนนี้ทำไป 5 ประตูจาก 16 เกมที่ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่

“ผมคิดว่าทุกคนรู้ดีเกี่ยวกับความคิดเห็นของผมเกี่ยวกับเคอร์ติส โจนส์ เขามีพรสวรรค์อันโดดเด่น และเราจะสนุกสนามนกับเขาอีก ผมค่อนข้างแน่ใจในอนาคคต”เจอร์เก้น คล็อปป์ทำนายไว้

‘การยิงประตูแบบมาสเตอร์คลาส’

นั่นคือสิ่งที่ไมเคิล แอปเปิลตัน นายใหญ่ลินคอล์นบรรยายเกี่ยวกับความเยือกเย็นในการจบสกอร์หน้าปากประะตูของนักเตะลิเวอร์พูลก่อนพักครึ่ง กับชากิรี และมินามิโนะที่ร่วมกันกับโจนส์ที่ยิงประตูด้วยลูกยิงที่ไม่อาจจะหยุดยั้งได้

“ผมคิดว่าเราได้เห็นการยิงประตูระดับมาสเตอร์คลาสของลิเวอร์พูลในครึ่งเวลาแรก ถ้าผมเอาถังไปวางอยู่ตรงมุม พวกเขาน่าจะยิงโดนทุกๆ ครั้ง แต่ละลูกเป็นการจบสกอร์ที่อัศจรรย์ คุณจะถูกลงโทษจากทีมแบบนี้”แอปเปิลตันยืนยัน

“เราถูกลงโทษจากความผิดพลาดครั้งหรือสองครั้ง แต่ความเป็นจริงแล้วความแตกต่างในครึ่งแรกคือการยิงประตู ผมคิดว่าประตูทั้งหมดนอกจากลุกที่สี่มันาจะเสียบสามเหลี่ยมทั้งหมด ทำให้มันยากจริงๆ สำหรับอเล็กซ์(พัลเมอร์)ที่เฝ้าเสา”

สถิติสนับสนุนสิ่งที่แอปเปิลตันแสดงความคิดเห็นเช่นกัน ความเด็ดขาดทำให้หงส์แดงกลายเป็นทีมแรกในพรีเมียร์ลีกที่ยิงได้อย่างน้อยสี่ประตูจากนอกเขตโทษในเกมเดียวกัน นับตั้งแต่เมษายน 2007

เดจาวู

อาร์เซนอลมาเยือนแอนฟิลด์ในรอบที่สี่ของคาราบาว คัพ เราเคยเจอสถานการณ์นี้มาก่อนใช่ไหม?

คำตอบคือใช่

ฤดูกาลที่แล้ว ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับมืออาร์เซนอลในรอบเดียวกันของรายการ และเป็นเกมที่มีประตูเกิดขั้นมากมายถึง 10 ประตู ที่ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษหลงจากเสมอกันอย่างตื่นเต้น 5-5 ที่ทำให้คล็อปป์มีรอยยิ้ม

“ผมจำครั้งล่าสุดที่ผมสนุกกับเกมฟุตบอลมากขนาดนี้ไม่ได้!” บอสกล่าวด้วยรอยยิ้ม

โจนส์เป็นคนยิงจุดโทษสุดท้ายตัดสินเกมต่อหน้าเดอะ ค็อป หลังจากโอริกีทำประตูตีเสมอให้ต้องไปดวลจุดโทษในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

แต่จะมีอะไรเหมือนกันอีกหรือไม่เมื่อทั้งสองทีมพบกันในสัปดาห์หน้าหรือไม่? ต้องรอดูกัน

นักเตะหน้าใหม่

ค่ำคืนดังกล่าวยังมีการประเดิมสนามของนักเตะลิเวอร์พูลสามคน

คอสตาส ซิมิกาส ประเดิมสนามในเกมแข่งขันให้กับสโมรเป็นเกมแรกด้วยการลงตัวจริง ขณะที่ดิโอโก้ โชต้า ลงเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 57

ในขณะที่โชต้าเกือบจะมีชื่อทำประตูจากลูกยิงเรียดเต็มแรงที่ผ่านเสาออกไป

แต่มันน่าเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่ากับรีห์ส วิลเลียมส์ กองหลังวัย 19 ปี ที่ใช้เวลาในฤดูกาลที่แล้วในสัญญายืมตัวกับคิดเดอร์มินสเตอร์ ฮาร์ริเออร์

เซนเตอร์ฮาล์ฟจากอะคาเดมีตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับโอกาสในทีมชุดใหญ่ตั้งแต่เขาหลุดทีมยู-21 ในอีเอฟแอล โทรฟี่ กับวีแกน แอธเลติก

“มันเป็นช่วงเวลาที่ผม และครอบครัวของผมทุกคนฝันถึง นับตั้งแต่ผมเซ็นสัญญาตอนที่ยังเด็กอายุเก้าขวบ” เขากล่าวหลังเปิดตัวในทีมชุดใหญ่

วิลเลียมส์แสดงให้เห็นความนิ่ง และเหนียวแน่นในแผงหลังร่วมกับเวอร์จิล ฟาน ไดจ์คในครึ่งเวลาแรก ก่อนที่ฟาบินโญ่จะลงเล่นแทนคู่หูของเขาในช่วงพักครึ่ง

สกอร์ประวัติศาสตร์

เนื่องจากมันเป็นสกอร์ที่ไม่ปกติ และกลายเป็นประวัติศาสตร์

ผลการแข่งขันนัดนี้ยังเป็นเกมแรกที่ลิเวอร์พูลเก็บชัยชนะ 7-2 นอกบ้าน

ข้อเท็จจริงคือ ครั้งสุดท้ายที่สโมสรเเอาชนะคู่แข่ง 7-2 ต้องงย้อนกลับไปในปี 1935 กับกริมสบี ทาวน์ ในดิวิชั่น 1

ภายใต้การคุมทีมของคล็อปป์ ลิเวอร์พูลทำเจ็ดประตูไปสองครั้ง โดยทั้งสองครั้งเกิดขึ้นในแชมเปียนส์ลีกในฤดูกาล 2017-18 โดยเป็นเกมเยือนมาริบอร์ และอีกครั้งกับสปาร์ตัก มอสโกที่แอนฟิลด์