Match Report: ลิเวอร์พูลเสมอมิดทิลแลนด์ในเกมสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม
ลิเวอร์พูลเก็บได้เพียงผลเสมอ 1-1 หลังขึ้นนำไปก่อนอย่างรวดเร็วในเกมเยือนมิดทิลแลนด์ ที่เดนมาร์ก สำหรับเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ดี แชมเปียนส์ลีก
รายชื่อนักเตะ
11 ตัวจริง: เคลเลเฮอร์, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, รีห์ส วิลเลียมส์, ฟาบินโญ่, ซิมิกาส, คลาร์กสัน, เกอิต้า, มินามิโนะ, โชต้า, โอริกี และซาลาห์
สำรอง: อาเดรียน, จารอส, ไวจ์นัลดุม, เฟอร์มิโน่, มาเน่, คูเมติโอ, เฮนเดอร์สัน, โจนส์, โรเบิร์ตสัน, มาติป, เนโก้ วิเลียมส์ และเคน
จังหวะสำคัญในเกม
- นาที 1 ซาลาห์ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 0-1
- นาที 61 โชลซ์ ยิงจุดโทษตีเสมอให้มิดทิลแลนด์ 1-1
เกมในครึ่งแรก
ลิเวอร์พูลพบกับมิดทิลแลนด์ที่เดนมาร์ก ในเกมนัดสุดท้ายในรอบแบ่งกลุ่ม ดี ของแชมเปียนส์ลีก โดยในนัดนี้ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ได้รับหน้าที่เป็นกัปตันทีมเป็นเกมแรกด้วย และเป็นการประเดิมสนามของเลห์ตัน คลาร์กสัน ในแชมเปียนส์ลีก
และเพียง 55 วินาที ลิเวอร์พูลขึ้นนำก่อนอย่างรวดเร็วจากประตูของซาลาห์ที่จังหวะสุดท้ายโดนคูลส์เข้าประตูไปอย่างง่ายดาย
แต่มิดทิลแลนด์ก็ตอบโต้ในนาที 4 เมื่อชเวียตเชนโก้ได้โขกเตะมุม บอลหลุดกรอบออกไป
ลิเวอร์พูลมีจังหวะในช่วงครึ่งชั่วโมงแรก โดยนาที 18 แฮนเซ่นผวาปัดบอลเปิดจากริมเส้นฝั่งขวาโดยมินามิโนะที่ให้โชต้ายิงเร็วออกไป และในนาที 30 ซิมิกาสได้ลองตีลังกายิงบอลเปิดเข้ามาของโอริกี บอลไม่เข้ากรอบ และในนาทีต่อมา ซาลาห์จ่ายเร็วให้โอริกีได้เอี้ยวตัวยิงด้วยเท้าขวา บอลหลุดเสาออกไปแบบได้ลุ้น
แต่หลังจากนั้นต้องชมฟาบินโญ่ที่สกัดลูกโหม่งของคาบาออกมาได้หวุดหวิดในนาที 33 และนาที 44 ที่เคลเลเฮอร์เซฟการยิงยัดที่เสาแรกของมาวิลเอาไว้ได้ ถัดมาโชต้าได้ยิงด้วยเท้าซ้ายในเขตโทษแต่ไม่ผ่านแฮนเซ่น และลูกยิงของเกอิต้าในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรกเช่นกัน จึงจบครึ่งแรกโดยลิเวอร์พูลนำอยู่เพียงประตูเดียว
เกมในครึ่งหลัง
ลิเวอร์พูลเริ่มครึ่งหลังโดยเปลี่ยนตัวคูเมติโอลงมาแทนฟาบินโญ่ แต่เป็นเจ้าบ้านที่บุกเป็นระลอกเพื่อหวังทวงประตูคืน โดยในนาที 49 อีวานเดอร์ซัดไปชนคานเต็มๆ คาบาได้กระโดดยิงในจังหวะหลังจากนั้นแต่ไม่ตรงกรอบ และนาที 55 คาบาได้ขึ้นโหม่ง บอลหลุดออกหลังไปไกล
เกมหยุดชั่วคราวในนาที 55 เมื่อซิมิกาสล้มลงจากการปะทะ ทีมแพทย์ต้องเข้ามาดูอาการ และพาออกไปริมเส้น
นาที 60 มิดทิลแลนด์ได้จุดโทษ เคลเลเฮอร์รับใบเหลืองจากการฟาล์วโชลซ์ แม้เคลเลเฮอร์จะพุ่งไปถูกทาง แต่ก็ไม่สามารถเซฟได้ โชลซ์ยิงจุดโทษตีเสมอให้มิดทิลแลนด์ไล่มา 1-1
จากนั้นคล็อปป์ส่งโรเบิร์ตสันมาแทนซิมิกาส ในนาที 63 และส่งเฮนเดอร์สันมาแทนเกอิต้า ในนาที 65 และเฟอร์มิโน่ลงมาแทนโอริกีในนาที 71
นาที 78 มิดทิลแลนด์ส่งบอลเข้าประตูไปแล้วแต่ VAR ตรวจสอบว่าเป็นจังหวะล้ำหน้า ทั้ง 2 ทีมยังเสมอกัน 1-1
นาที 87 ลิเวอร์พูลเปลี่ยนตัวคนสุดท้าย โดยมาเน่มาแทนโชต้า และต่อมาในนาที 88 เฮนเดอร์สันขวางจังหวะโต้กลับของมิดทิลแลนด์ได้ดี
ลิเวอร์พูลเกือบได้ขึ้นนำในนาที 89 เมื่อมินามิโนะตามไปซ้ำจังหวะสอง ของมาเน่เข้าไปได้แล้วแต่ VAR ระบุว่าเป็นการแฮนด์บอลไปก่อน
กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 8 นาที
ในช่วงท้ายเกมนาที 90+6 อันแดร์สันได้ยิงเร็วหน้าประตู แต่บอลหลุดออกไป
ลิเวอร์พูลจบภารกิจในรอบแบ่งกลุ่มด้วยการขึ้นนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม ดี