Match Report: ลิเวอร์พูลพ่ายแมนฯ ยูไนเต็ด ตกรอบเอฟเอ คัพ
เส้นทางของลิเวอร์พูลในเกมเอฟเอ คัพ จบลงที่รอบที่ 4 เมื่อออกไปพ่ายให้แมนฯ ยูไนเต็ด ไปด้วยสกอร์ 3-2 ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
รายชื่อนักเตะ
11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, รีห์ วิลเลียมส์, ฟาบินโญ่, โรเบิร์ตสัน, ติอาโก้, ไวจ์นัลดุม, มิลเนอร์, โจนส์, ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่
สำรอง: เคลเลเฮอร์, มาเน่, อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, มินามิโนะ, ซิมิกาส, ชากิรี, โอริกี, ฟิลิปส์, และเนโก้ วิลเลียมส์
จังหวะสำคัญในเกม
- นาที 18 ซาลาห์ยิงให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 0-1
- นาที 26 กรีนวู้ดตีเสมอให้แมนฯ ยูไนเต็ด 1-1
- นาที 48 แรชฟอร์ดยิงให้แมนฯ ยูไนเต็ดนำ 2-1
- นาที 59 ซาลาห์ตีเสมอให้ลิเวอร์พูล 2-2
- นาที 78 แฟร์นานเดสทำประตูให้แมนฯ ยูไนเต็ดนำ 3-2
เกมในครึ่งแรก
ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมเอฟเอ คัพ รอบ 4 ด้วยการไปเยือนโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ของแมนฯ ยูไนเต็ด
ในช่วง 15 นาทีแรก เจ้าบ้านได้โอกาสก่อนสองครั้งจากกรีนวู้ด แต่อลิสสันยังรับไว้ได้
ลิเวอร์พูลขึ้นนำก่อนในนาที 18 จากจังหวะที่ซาลาห์ ยกบอลข้ามตัวเฮนเดอร์สัน ผู้รักษาประตูเข้าไปให้ลิเวอร์พูลบุกไปนำ 1-0!
หลังจากได้ประตูขึ้นนำ ลิเวอร์พูลได้โอกาสตดกันสองครั้งจากโจนส์ ในนาที 23 และเทรนต์ที่ซัดฟรีคิกข้ามคานในนาที 25
แต่กลายเป็นกรีนวู้ดที่ทำประตูตีเสมอให้แมนฯ ยูไนเต็ด 1-1 ในนาที 26
จากนั้นเจ้าบ้านก็ได้โอกาสบุกติดต่อกัน โดยนาที 28 อลิสสันออกมาปิดมุมเพื่อขวางการยิงของแรชฟอร์ด ก่อนที่ในนาที 35 ป็อกบาได้โหม่งตรงจุดโทษ บอลข้ามคาน
ลิเวอร์พูลมาได้ลุ้นบ้างก่อนหมด 45 นาทีแรก จากจังหวะของมิลเนอร์ยิงแบบไม่จับในจังหวะบอลสองของเตะมุม ลูกไม่เข้ากรอบ ในนาที 40 ก่อนที่นาที 41 ฟาบินโญ่รับใบเหลืองจากการเข้าสกัดใส่กรีนวู้ด
เกมในครึ่งหลัง
เมื่อเริ่มครึ่งหลัง กลับเป็นแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ได้ขึ้นนำก่อนในนาที 48 จากประตูของแรชฟอร์ด แต่จากนั้นอีก 10 นาทีต่อมา ซาลาห์ยิงลอดขาให้ลิเวอร์พูลตีเสมอ 2-2 ในนาที 59
ในนาที 60 คล็อปป์ส่งมาเน่มาแทนไวจ์นัลดุม ก่อนที่ในนาที 67 ผู้รักษาประตูทีมเจ้าบ้านจะเซฟจังหวะยิงของซาลาห์ไว้ได้อย่างหวุดหวิด แต่ในนาที 69 มาเน่รับใบเหลืองจากการไปเข้าสกัดใส่เฟรด
เจ้าบ้านมาได้ประตูขึ้นนำ 3-2 ในนาที 78 โดยแฟร์นานเดส
ลิเวอร์พูลเปลี่ยนตัวอีกครั้ง โดยคล็อปป์ส่งชากิรี และโอริกี ลงมาแทนติอาโก้ และเฟอร์มิโน่ ในนาที 81
กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 4 นาที
ในช่วงนาที 90+3 ซาลาห์ได้ยิงแต่บอลไม่เข้ากรอบ และนั่นเป็นโอกาสสุดท้ายของลิเวอร์พูลในเกมนี้ ก่อนที่จะพ่ายตกรอบเอฟเอ คัพ ในรอบที่ 4 นี้