ลิเวอร์พูลกลับมาเก็บชัยชนะติดต่อกันสองนัดในเมืองหลวงเหนือเวสต์แฮม 3-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จากสองประตูของโมฮาเหม็ด ซาลาห์ และอีกหนึ่งประตูของจอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม

และนี่คือ 6 ประเด็นที่น่าสนใจจากเกมที่ทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์เก็บ 3 แต้มขึ้นไปอยู่อันดับ 3 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก…

ซาลาห์ทะยานขึ้นไปอีกระดับ

การทำประตูของซาลาห์ยังคงสร้างสถิติใหม่ให้กับลิเวอร์พูลอย่างต่อเนื่อง โดยประตูจากเกมวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้นักเตะทีมชาติอียิป์กลายเป็นนักเตะคนที่ 5 ในประวัติศาสตร์สโมสร ที่ทำได้เกิน 20 ประตู 4 ฤดูกาลติดต่อกัน ร่วมกับกอร์ดอน ฮ็อดจ์สัน, บิลลี่ ลิดเดลล์, โรเจอร์ ฮันท์ และเอียน รัช ที่รายหลังทำได้คนล่าสุดตั้งแต่ทศวรรษ 1980

เจ้าของเบอร์ 11 ยังทำประตูเวสต์แฮมไปแล้ว 9 ประตูนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมหงส์แดง มากกว่าคู่แข่งทีมอื่นๆ และประตูที่สองยังเป็นลูกที่ 21 ในฤดูกาลนี้ และมีโอกาสจะทำลายสถิติรวมจาก 2 ปีก่อนหน้านี้ (23 ประตู ในฤดูกาล 2019-20, 27 ประตู ในฤดูกาล 2018-19)

และตอนนี้เขาขาดอีก 4 ประตูจะแซงเอียน เซนต์ จอห์นในสถิติดาวซัลโวตลอดกาล และต้องการอีก 16 ประตูเพื่อเข้าไปติดท็อป 6

เกมโต้กลับที่ยอดเยี่ยม

การจับบอล 7 จังหวะที่นักเตะหงส์แดงเปลี่ยนจากลูกเตะมุมของเวสต์แฮมมาเป็นประตูในนาทีที่ 68 นับตั้งแต่ลูกโหม่งเคลียร์ของแอนดี โรเบิร์ตสัน มาจนถึงเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์างมุมขวาของเขตโทษ ก่อนที่จะพาบอลขึ้นไปทางริมเส้นด้านซ้าย

เซอร์ดาน ชากิรี มีเวลาเหลือเฟือที่จะพิจารณาทางเลือก ก่อนจ่ายบอลผ่านแนวรับของทีมขุนค้อนมาถึงซาลาห์ที่จบสกอร์เข้าไปด้วยการจับบอลแรกด้วยเท้าขวาอย่างงดงาม ก่อนยิงผ่านลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี้เข้าไป และนี่เป็นหนึ่งในประตูที่เริ่มมีการถกเถียงว่าเป็นลูกโต้กลับที่ดีที่สุดของลิเวอร์พูลในทันที

ชัยชนะติดต่อกัน

ทีมของคล็อปป์ชนะสองเกมติดต่อกันในเมืองหลวง หลังจากไม่ชนะ 5 เกมรวดในพรีเมียร์ลีก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นจะพลิกฟอร์มในลีกอีกครั้ง โดยตอนนี้พวกเขากลับขึ้นไปอยู่อันดับ 3 ของตาราง ตามหลังแมนฯ ยูไนเต็ดแต้มเดียว และแมนฯ ซิตี้ 4 แต้มโดยพวกเขาแข่งน้อยกว่าหนึ่งนัด

หลังจากนี้หงส์แดงจะกลับมาเล่นในบ้านสองเกมติดต่อกันกับไบรท์ตันในวันพุธ และซิตี้ในวันอาทิตย์ ที่เป็นดอกาสที่แชมป์เกาจะต่อยอดรากฐานที่วางไว้จากลอนดอน

ตัวสำรองที่มีผลต่อเกม

“ลงไปก่อกวน ปั่นป่วน และพยายามทำบางอย่าง เล่นอย่างคึกคัก และอะไรแบบนั้น”

นั่นคือคำพูดสุดท้ายของผู้จัดการทีมกับเคอร์ติส โจนส์ ข้างนาม ก่อนส่งดาวเตะจากอะคาเดมีลงเล่นก่อนหนึ่งชั่วโมงของเกมในขณะที่ยังเสมอกันแบบไม่มีประตู และ 34 วินาทีต่อมาเขาพาบอลขึ้นไปจากแดนกลาง และจ่ายให้ซาลาห์ในเขตโทษ กลายเป็นแอสซิสต์ของโจนส์กับประตูปลดล็อกในเกมนี้

มันยังเป็นจุดเริ่มต้นการมีส่วนสำคัญของกองกลางรายนี้ที่เล่นต่อจนจบเกมด้วยสถิติจ่ายบอลเข้าเป้ารวม 97.1 เปอร์เซ็นต์ และ 94.1 เปอร์เซ็นต์ในแดนของคู่แข่ง รวมกับโรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ และอเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ที่รายหลังมีส่วนสำคัญในการสร้างโอกาสทำประตูที่ 3 ของไวจ์นัลดุมให้กับหงส์แดง

กัปตันยังคงไต่อันดับต่อไป

เป็นอีกครั้งที่จอร์แดน เฮนเดอร์สันนำทีมด้วยการเป็นตัวอย่างจากตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก ในวันที่เขาสร้างสถิติในพรีเมียร์ลีกกับสโมสรเป็นเกมที่ 286 นับตั้งแต่ย้ายมาหงส์แดงในปี 2011 แซงสถิติลงสนามในลีกของเปเป้ เรน่าขึ้นไปอยู่ในอันดับ 4

ตอนนี้มีแค่เจมี คาร์ราเกอร์, สตีเวน เจอร์ราร์ด และซามี ฮูเปีย ที่สถิติดีกว่าเขา โดยเขามีโอกาสแซงรายหลังได้ในฤดูกาลหน้า

โดยการลงเล่นเป็นหัวใจของแผงหลัง เฮนเดอร์สันจับบอลไป 98 ครั้ง และจ่ายไป 92 ครั้ง และชนะ 100 เปอร์เซ็นต์ในการเบียดแย่งบอล และเก็บบอลคืนมาได้ 10 ครั้งในการเจอกับเวสต์แฮม

ฟิลลิปส์ก้าวมาลงสนามอีกครั้ง

ความผิดพลาดในเชิงเทคนิคเรื่องเสียงช่วงท้ายการแถลงข่าวหลังเกมของคล็อปป์ ทำให้ไม่มีใครได้ยินเสียงการยกย่องนาธาเนียล ฟิลลิปส์

แต่นักเตะวัย 23 ปีทำได้ดีมากในการลงตัวจริงพรีเมียร์ลีกนัดที่ 4 ของฤดูกาลระหว่างการขาดหายไปของทั้งฟาบินโญ่ และโจเอล มาติป เขาเล่นอย่างมั่นใจ, แข็งแกร่ง และตื่นตัว แม้สุดท้ายทีมของเดวิด มอยส์จะตีไข่แตกได้จากประตูของเคร็ก ดอว์สัน

และเมื่อเรามีโอกาสรีดคำตอบที่หายไปของคล็อปป์มา มันก็คุ้มค่ากับการรอคอย

“เกมที่ยอดเยี่ยม, ทุกคนเห็นมัน, การเป็นมืออาชีพที่ยอดเยี่ยม, เยือกเย็นมาก, แข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อในลุกกลางอากาศ, เข้าสกัดได้ดี, เล่นฟุตบอลได้ดี” บอสกล่าว

“ใช่ ผมรู้ว่าตอนนี้เขาลงเล่นมาแล้ว 2-3 เกม ผมคิดว่า(มิคาอิล)อันโตนิโอพยายามโต้กลับมาทางเข้ามากว่า และอะไรแบบนี้ แต่เขาตั้งรับได้น่าเหลือเชื่อ รวมกับเฮนโด้ ผมต้องบอกอย่างนั้น แต่ฟูลแบ็กก็ทำได้ดีเช่นกัน”

“เราเล่นกันอย่างรัดกุมในแนวรับสุดท้าย และมันช่วยได้อย่างสมบูรณ์แบบ เขาเล่นเกมนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม”