จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้ใช้คอลัมน์ของเขาในหนังสือโปรแกรมสำหรับเกมกับเรอัล มาดริด ในวันพุธ เพื่ออธิบายถึงการตัดสินใจยื่นมือเข้าไปมีส่วนร่วมในช่องทางโซเชียล มีเดีย ของเขา เพื่อกองทุนไซเบอร์สไมล์

กัปตันทีมลิเวอร์พูลเขียนว่า “เมื่อผู้คนได้อ่านหนังสือโปรแกรมเล่มนี้ พวกเขาอาจชอบมัน อาจไม่ชอบมัน พวกเขาอาจหวังให้ผมพูดอะไรบางอย่างที่ต่างออกไปหรือว่าผมได้พูดเกี่ยวกับเรื่องที่มีความสำคัญสำหรับพวกเขาเป็นการเฉพาะ”

“ความสวยงามของการเปิดเผยแบบนี้ คือ ความคิดทั้งหมดจะคงอยู่แบบนั้น มันไม่มีที่ว่างสำหรับความคิดเห็น ซึ่งหมายความว่า มันไม่มีความเสี่ยงของการละเมิดซึ่งมีมาอย่างต่อเนื่องจนทำให้โซเชียลมีเดียเป็นพื้นที่ที่เป็นพิษและไม่ปกติในเวลานี้”

“ผมควรเน้นย้ำว่า ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับความเห็นต่าง ๆ และผมก็ไม่ได้อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับคำวิจารณ์ การใช้โซเชียลมีเดียอย่างถูกต้องนั้นจะผลักดันสิ่งดี ๆ ได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย เมื่อมันอนุญาตการเข้าถึง และมันยังให้โอกาสแก่ผู้คนที่จะบอกคนอื่น ๆ เมื่อพวกเขาเข้าใจบางสิ่งผิดพลาดไป”

“ปัญหา คือว่า บ่อยครั้ง มันไม่ได้ถูกใช้อย่างถูกต้อง และมันเลวร้ายที่มันเสนอรูปแบบต่อบรรดาคนที่คิดมุ่งเป้าไปที่คนอื่นด้วยการละเมิดอย่างการเหยียดผิว การปรักปรำ การเหยียดเพศ หรืออะไรก็ตามให้เป็นสิ่งที่ยอมรับได้”

“มันเป็นไปเพื่อเหตุผลนี้ว่าทำไมผมจึงใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียของผมเพื่อกองทุนไซเบอร์สไมล์ (Cybersmile Foundation) มูลนิธิต่อต้านการบูลลี่ทางไซเบอร์ซึ่งทำงานอย่างเหลือเชื่อเพื่อสนับสนุนผู้คนมากมายที่ตกเป็นเป้าหมายของการละเมิดและเผยแพร่การใช้อินเทอร์เน็ตในทางที่เป็นบวก”

“การเข้าไปมีส่วนตรง ๆ ทำให้ผมรู้สึกแย่ที่เห็นผู้คนที่ผมรู้จัก และคนที่ผมไม่รู้จัก ต้องทนกับการละเมิดต่าง ๆ ซึ่งทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจ มันต้องหยุด และคนที่เหมาะสมต้องมีส่วนในการทำให้มันหยุด”

“ผมไม่ได้ทำเรื่องนี้เล่น ๆ ผมคิดเกี่ยวกับมันอย่างมาก และถึงจุดหนึ่ง ผมก็ตัดสินใจปิดช่องทางโซเชียลมีเดียของผมเพื่อคัดค้าน ผมยังมีทางเลือกนั้นและผมสรรเสริญคนอย่างเธียร์รี อองรี ผู้ซึ่งดำเนินการไปถึงขั้นสูงสุดแล้วเกี่ยวกับปัญหานี้ แต่ตอนนี้ ผมต้องการจะเห็นว่า ผมจะสามารถเปลี่ยนความรู้สึกของผมเองกลับมาสู่ด้านบวก โดยการส่องแสนเพียงเล็กน้อยในสถานการณ์ที่น่ากลัวและเห็นว่าอาจดึงบางส่วนที่เป็นบวกออกมาได้”

“ผมไม่ได้มีทุกคำตอบ ผมอาจไม่แม้แต่จะมีมันเลย เมื่อมันมาถึง ผมเองเป็นนักฟุตบอลที่ไม่ได้เชี่ยวชาญในโซเชียลมีเดีย แต่ผมรู้ถึงความแตกต่างระหว่างสิ่งที่ถูกกับสิ่งที่ผิด และผมคิดว่าผมจะสร้างความเสียหายต่อการเลี้ยงดูที่ผมโตมา และต่อความรับผิดชอบในตำแหน่งที่ผมได้รับแค่ไหนถ้าผมไม่ทำอะไรเลย”

“มากกว่าทุกสิ่ง ผมรู้สึกเหมือนว่าผมทำให้เพื่อนร่วมทีมของผมเอง นักเตะที่สโมสรอื่น ๆ และทุกคนที่รู้ว่ามันเป็นอย่างไรที่ตกเป็นเหยื่อในเรื่องนี้รู้สึกผิดหวัง”

“ผมตั้งใจไว้แล้วตั้งแต่ก่อนเกมเยือนเรอัล มาดริด สัปดาห์ที่แล้ว แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตามมาหลังเกมนั้นช่วยยืนยันในสิ่งที่ผมรู้อยู่แล้ว ว่าการยืนขึ้นไม่ใช่แค่ทางเลือกอีกต่อไป”

“การเห็นนักเตะคนที่ผมเล่นด้วย ผู้คนที่ผมมองว่าเป็นเพื่อนสนิทจนถึงจุดที่รู้สึกเหมือนเป็นครอบครัวถูกเหยียดเขื้อชาติบนช่องทางของพวกเขาทำให้ผมรู้สึกแย่ นี่คือครอบครัวสาธารณะ ดังนั้น ผมจะระมัดระวังกับสิ่งที่ผมพูดและวิธีการที่ผมพูดมัน แต่มากพอที่จะพูด แค่คิดเกี่ยวกับมันยังทำให้ผมโกรธไปเป็นสัปดาห์หลังจากมันเกิดขึ้น”

“คนแบบไหนกันที่จะทำแบบนั้น? เกมฟุตบอลเกิดขึ้นและการตอบสนองของคุณ คือ นักเตะผิวสี ในโลกออนไลน์เพื่อให้ความเห็นแย่ ๆ ของคุณงั้นหรือ? นั่นมันแย่พอแล้ว แต่ไม่อาจให้อภัยได้ ในความเห็นของผม คือว่า มันถูกปล่อยให้เกิดขึ้น”

“ผมรู้ทางแก้ปัญหาเหมือนว่านี่ไม่มีทางที่ตรงไปตรงมาเสมอ และผมซาบซึ้งว่าเราไม่ได้ต้องการการจำกัดเสรีภาพในการพูดอย่างไม่มีเหตุผล แต่ในโลกออนไลน์ การละเมิดเป็นไปด้วยดีเกินกว่าที่ควรจะเป็น และบริษัทโซเชียลมีเดียต้องปรับปรุงมัน ไม่งั้นคนอื่น ๆ ก็จะไปจบลงในเส้นทางเดียวกับเธียร์รี และตัดสินใจว่ามันไม่มีค่าพอให้ลำบาก”

“ผมไม่ต้องการให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น โซเชียลมีเดียสามารถเป็น และบางครั้งก็เป็นแรงผลักดันที่ดี ที่จุดที่ดีที่สุดที่ผมชอบมัน แม้ว่าผมจะรู้ดีอย่างเต็มที่ว่าถ้าคุณมีงานในสายตาสาธารณชน คุณจะยึดติดถ้าคุณไม่ได้ทำให้มันออกมาเถอะ”

“ปัญหาคือว่าผู้คนมากมายไม่ได้มีประสบการณ์ในการบวกกับเรื่องนั้น พวกเขาโพสต์โดยตระหนักรู้ดีว่าการตอบอาจทำให้พวกเขาเจ็บปวดที่ไม่มีใครควรต้องเผชิญ ผมขอพูดอีกครั้ง นี่ไม่อาจยอมรับได้และผมไม่สามารถและจะไม่ยืนหยัดด้วยการนั่งดูมันเกิดขึ้น”

“การเป็นคนจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ของเขาในลิเวอร์พูล ผมได้เรียนรู้มาตลอดหลายปีว่า ถ้าคุณเชื่อมั่นในบางสิ่งและต้องการจะผลักดันการเปลี่ยนแปลง คุณต้องยืนขึ้นเพื่อปัญหานั้นหรือปัญหาอื่น ๆ จะดำเนินต่อไป”

“สัปดาห์ที่แล้ว ผมค้นพบว่ากลุ่มครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากโศกนาฏกรรมที่ฮิลล์สโบโร่ห์ ได้ยกเลิกไป และมันเตือนผมว่ามันสำคัญแค่ไหนที่ผู้คนต่อสู้เพื่อสิ่งที่พวกเขาเชื่อ ความเป็นตำนานของพวกเขาจะอยู่ที่นั่น นี่จะดำเนินต่อไปในปีที่จะมาถึง เพราะพวกเขาแสดงออกในทางนี้”

“ผมเกิดหนึ่งปีหลังจากฮิลล์สโบโร่ห์ และอิทธิพลของโศกนาฏกรรมก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมอย่างที่ที่ผมโตมาอย่างที่มันเป็นในเมอร์ซีไซด์ แต่ตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูล ผมได้สิทธิ์พิเศษที่จะได้เห็นงานที่กลุ่มครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบทำ และผมรู้สึกถ่อมตัวเสมอ”

“มาร์กาเร็ต แอสพิเนลล์ มาที่เมลวู้ดเพื่อพูดคุยกับนักเตะเกี่ยวกับประสบการณ์ของเธอในฐานะของพ่อแม่ผู้สูญเสีย และผู้ก่อตั้งแคมเปญสองสามปีก่อน และพงกเราทุกคนก็ได้เคลื่อนไหวไปพร้อมกันและได้รับแรงบันดาลใจ”

“ในกรณีของผม มันกระทบผมหนักมากในฐานะพ่อ ย้ำเตือนผมถึงความรับผิดชอบในฐานะกัปตันของสโมสรทำให้ผมโกรธในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง และทำให้ผมนับถือทุกคนที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมให้แก่ผู้เสียชีวิตทั้ง 96 คน”

“ก่อนเกมคืนนี้ ผมจะจดจำทุก ๆ คนที่เสียชีวิตที่ฮิลล์สโบโร่ห์ ก่อนวันครบรอบ 32 ปี และเราจะคิดถึงทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เสมอ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นครอบครัวและเพื่อนของเหยื่อหรือผู้รอดชีวิตก็ตาม”

“ความเคารพของผมต่อพวกคุณทุกคนไม่อาจยิ่งใหญ่ไปกว่านี้แล้ว”