Match Report: ลิเวอร์พูลชนะแอตเลติโก้ก่อนผ่านเข้ารอบแชมเปียนส์ลีก
ลิเวอร์พูลเข้ารอบแชมเปียนส์ลีก ในฐานะจ่าฝูงของกลุ่มบี หลังเอาชนะแอตเลติโก้ มาดริด 2-0 ที่แอนฟิลด์
รายชื่อนักเตะ
11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, มาติป, ฟาน ไดจ์ค, ซิมิกาส, ฟาบินโญ่, เฮนเดอร์สัน, อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, มาเน่, ซาลาห์ และโชต้า
สำรอง: อาเดรียน, เคลเลเฮอร์, โกนาเต้, ติอาโก้, เฟอร์มิโน่, มินามิโนะ, โรเบิร์ตสัน, โอริกี, ฟิลลิปส์, วิลเลียมส์ และมอร์ตัน
จังหวะที่สำคัญ
- นาที 13 โชต้าโหม่งให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0
- นาที 21 มาเน่ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 2-0
เกมในครึ่งแรก
ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมแชมเปียนส์ลีก กลุ่ม บี กับแอตเลติโก้ มาดริด ที่แอนฟิลด์ หลังจากก่อนหน้านี้คว้าชัยชนะรวดทั้งสามเกม
เมื่อเริ่มเกม ซาลาห์ได้จังหวะพาบอลขึ้นไปในนาที 8 แต่ถูกสกัดไว้ได้ก่อน
แต่ลิเวอร์พูลมาได้ประตูในนาที 13 ดิโอโก้ โชต้า พุ่งโหม่งจ่อๆ บอลของเทรนต์เข้าไปให้ลิเวอร์พูลออกนำ 1-0!
ลิเวอร์พูลมาได้ประตูเพิ่มในนาที 21 ซาดิโอ มาเน่ บวกประตูที่ 2 ให้ลิเวอร์พูลนำห่างหลังจากเทรนต์จ่ายทะลุมาตรงกลางประตูแล้วเป็นเขาที่ยิงเปลี่ยนทางผ่านโอบลัคเข้าไป
เจ้าบ้านเกือบได้ประตูที่ 3 ในเกม ในนาที 22 อ็อกซ์ยิงเร็วหน้าเขตโทษ บอลหลุดเสาออกไปแบบได้ลุ้น
นาที 36 เฟลิเป้รับใบแดงหลังจากไปย่ำใส่มาเน่ ซัวเรซรับใบเหลืองจากการไปโต้เถียงกรรมการ
นาที 41 ซาลาห์ได้ยิงจากริมกรอบเขตโทษ ไปติดเซฟของโอบลัค
นาที 45 อ็อกซ์พยายามหนีตัวประกบแล้วยิงไกล บอลหลุดกรอบออกไปแบบได้ลุ้น
จบครึ่งแรกลิเวอร์พูลนำ 2-0
เกมในครึ่งหลัง
เมื่อเริ่มครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลพักมาเน่ และส่งเฟอร์มิโน่ลงมาทำหน้าที่แทน
ลิเวอร์พูลทำประตูได้เพิ่มในนาที 48 หลังโชต้าหลุดไปยิงสวนตัวโอบลัคเข้าไปแล้วแต่ VAR ตรวจสอบว่าเป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน ลิเวอร์พูลยังนำ 2-0
ลิเวอร์พูลบุกอย่างต่อเนื่องในนาที 51 ซาลาห์พาบอลลุยขึ้นมาทางขวาก่อนจะยิงไปติดเซฟของโอบลัค โชต้าจะซ้ำแต่ไม่ผ่านเกมรับของแอตเลติโก เตะมุมต่อเนื่องมาติปได้ยิงหน้าประตู บอลออกไปอย่างน่าเสียดาย ก่อนที่นาที 53 โชต้าได้โอกาสลุ้นประตูที่ 2 ของเขาแต่การโหม่งของเขาไปโดนหัวไหล่ ลูกจึงไม่ตรงกรอบ และไม่มีน้ำหนัก
แอตเลติโก้เกือบตีตื้นขึ้นมาได้ในนาที 57 หลุยส์ ซัวเรซ ส่งบอลเข้าประตูไปแล้วแต่เป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อนของฆิมิเนซที่โขกชงเข้ามา
เมื่อเกมดำเนินไปถึงหนึ่งชั่วโมง ลิเวอร์พูลส่งติอาโก้ลงมาเล่นแทนฟาบินโญ่สำหรับตัวสำรองคนที่ 2
นาที 77 ลิเวอร์พูลเปลี่ยนอีก 2 โควต้า มินามิโนะ และโอริกีลงมาแทนเฟอร์มิโน่ และอ็อกซ์
กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 4 นาที ก่อนที่นาที 90+2 มาติปรับใบเหลืองหลังจากไปขวางคุนย่า
นาที 90+4 ฟิลลิปส์ลงมาเล่นแทนเทรนต์สำหรับตัวสำรองคนสุดท้ายของทีม
จบเกม ลิเวอร์พูลผ่านเข้าสู่รอบต่อไปของแชมเปียนส์ลีกแน่นอนแล้วในฐานะแชมป์ของกลุ่ม B