ลิเวอร์พูลโชว์ฟอร์มเยี่ยม หลังเปิดแอนฟิลด์ถล่มอาร์เซนอล 4-0 ในเกมพรีเมียร์ลีก

รายชื่อนักเตะ  

11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, มาติป, ฟาน ไดจ์ค, ซิมิกาส, ฟาบินโญ่, ติอาโก้, อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, มาเน่, ซาลาห์ และโชต้า

สำรอง: เคลเลเฮอร์, โกนาเต้, เฮนเดอร์สัน, มินามิโนะ, ฟิลลิปส์, กอร์ดอน, เบ็คส์, มอร์ตัน และแบรดลีย์

 

จังหวะที่สำคัญ

นาที  39 มาเน่โหม่งให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0
นาที  52 โชต้ายิงให้ลิเวอร์พูลนำ 2-0
นาที 73 ซาลาห์ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 3-0
นาที 77 มินามิโนะยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 4-0
     

เกมในครึ่งแรก

ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมที่ 12 ในพรีเมียร์ลีก หลังจากพักเบรกทีมชาติ ด้วยการรับการมาเยือนของอาร์เซนอล โดยในนัดนี้ฟาน ไดจ์ค รับหน้าที่เป็นกัปตันทีม เพราะเฮนเดอร์สันมีชื่อเป็นตัวสำรอง

ลิเวอร์พูลได้เริ่มต้นทักทายก่อน ในนาที 4 เมื่อซาลาห์ได้จังหวะจบหลังจากลิเวอร์พูลตัดบอลจากไวท์ แต่เขายิงไม่เข้ากรอบ

เจ้าบ้านกลับมาเป็นฝ่ายรับในนาที 23 ฟาน ไดจ์คใช้ขาขวางการยิงของซาก้าเอาไว้ได้

นายประตูทีมเยือนยังโชว์ฟอร์มปฎิเสธการยิงถึงสองจังหวะในนาที 29 ติอาโก้ได้ยิงจังหวะแรก ติดเซฟของแรมสเดล มาเน่จะซ้ำใน 2 ครั้งก็ยังไม่ได้

อาร์เซนอลทำเกมขึ้น และทำประตูได้ในนาที 31 ลากาแซตต์ส่งบอลไปกองก้นตาข่ายแล้วแต่เป็นจังหวะล้ำหน้าของทีมเยือนก่อน

ก่อนที่ลิเวอร์พูลจะเป็นฝ่ายขึ้นนำ ทีมได้โอกาสทองสองครั้ง โดยในนาที 35 ซาลาห์ได้ยิงจ่อๆ แต่ยังไปติดเซฟของแรมสเดล ก่อนที่ในนาที 36 เทรนต์ได้ยิงด้วยเท้าซ้าย ติดปลายมือของแรมสเดล แต่จากนั้นลิเวอร์พูลก็ปลดล็อคได้ในนาที 39 ซาดิโอ มาเน่ โขกให้ลิเวอร์พูลออกนำ 1-0!

นาที 43 มาเน่รับใบเหลืองจากการเข้าบอลหนักใส่ไวท์

จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูลขึ้นนำอาร์เซนอล 1-0 จาก ซาดิโอ มาเน่

เกมในครึ่งหลัง

เริ่มครึ่งหลังไม่นาน ฟาน ไดจ์ค ต้องตามมาสไลด์จังหวะทำเกมของอาร์เซนอลได้ก่อนที่โอบาเมย็องจะเข้าถึงบอลในนาที 47

ลิเวอร์พูลลุ้นประตูที่ 2 ในนาที 50 อ็อกซ์ยิงเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียว ก่อนที่ซาลาห์ได้หมุนตัวยิงในเขตโทษ เข้ามือของแรมสเดล

แต่ในนาที 52 ดิโอโก้ โชต้า ได้บอลจากความผิดพลาดของตาวาเรสก่อนจะโชว์ความนิ่งยิงผ่านแรมสเดลเข้าไปให้ลิเวอร์พูลนำ 2-0

ลิเวอร์พูลยังขึ้นเกมบุกแบบไม่หยุดยั้ง โดยในนาที 57 มาเน่กับซาลาห์มีโอกาสทำให้ลิเวอร์พูลนำห่างแต่ไปติดเซฟของแรมสเดล อย่างไรก็ตามมีธงล้ำหน้าขึ้นมาก่อน

นาที 58 โชต้าได้พุ่งไปยิงในเขตโทษ ไปติดมือของแรมสเดล

ลิเวอร์พูลยังต้องเล่นเกมรับ โดยในนาที 65 อลิสสันออกมาป้องกันจังหวะยิงของโอบาเมย็องด้วยขา

แรมสเดลยังเป็นอุปสรรคในการทำประตู เมื่อโชต้าเกือบทำประตูที่ 2 ของตัวเองได้แต่ไปติดแรมสเดลอีกครั้งในนาที 68

ลิเวอร์พูลมาได้ประตูขึ้นนำในนาที 73 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เข้าฮอร์สจังหวะตบเข้ากลางของมาเน่เข้าไป ลิเวอร์พูลนำ 3-0!

นาที 75 อลิสสันบินปัดการยิงไกลของปาร์เตย์ออกไปได้ดี ก่อนที่นาที 76 ลิเวอร์พูลเปลี่ยนอ็อกซ์กับโชต้าออก ส่งเฮนเดอร์สันกับมินามิโนะลงมาแทน
และในนาทีต่อมา

และเพียงแค่สัมผัสแรกในนาที 77 มินามิโนะ เข้าชาร์จบอลของเทรนต์ที่เสาไกลเข้าไปให้ลิเวอร์พูลนำห่าง 4-0

นาที 84 มอร์ตันลงมาแทนติอาโก้สำหรับตัวสำรองคนที่ 3