ลิเวอร์พูลทำสถิติชนะรวด 100% ในเกมแชมเปียนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่มฤดูกาลนี้ หลังเอาชนะปอร์โต้ไปด้วยสกอร์ 2-0 ที่แอนฟิลด์

 

รายชื่อนักเตะ  

11 ตัวจริง: อลิสสัน, วิลเลียมส์, มาติป, โกนาเต้, ซิมิกาส, มอร์ตัน, ติอาโก้, อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, มาเน่, ซาลาห์ และมินามิโนะ

สำรอง: อาเดรียน, เคลเลเฮอร์, ฟาบินโญ่, ฟาน ไดจ์ค, มิลเนอร์, เฮนเดอร์สัน, โชต้า, โรเบิร์ตสัน, โอริกี, ฟิลลิปส์ และอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์

 

จังหวะที่สำคัญ

  • นาที 52 ติอาโก้ยิให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0
  • นาที 70 ซาลาห์ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 2-0
     

เกมในครึ่งแรก

ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมแชมเปียนส์ลีกนัดที่ 5 ด้วยการเปิดแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของเอฟซี ฟอร์โต้ โดยในนัดนี้อลิสสัน เบ็คเกอร์ รับหน้าที่เป็นกัปตันทีม และไทเลอร์ มอร์ตัน นักเตะดาวรุ่งได้ลงประเดิมเกมยุโรป

ในช่วงต้นเกม ปอร์โต้ได้โอกาสก่อนในนาที 8 ทาเรมีที่โหม่งไปแฉลบมาติป บอลเกือบเข้าประตูตัวเองแต่ลูกหลุดกรอบออกไปนิดเดียว ก่อนที่ในนาทีต่อมา โกนาเต้ตามมาเบียดเอวาเนลสัน สุดท้ายบอลไปโดนผู้เล่นปอร์โต้ออกหลัง เป็นลูกตั้งเตะจากประตูขึ้นมาของลิเวอร์พูล แต่แล้วในนาที 11 ปอร์โต้โต้กลับ จบที่โอตาวิโอที่ยิงออกไป

ลิเวอร์พูลได้โอกาสบุกบ้างในนาที 19 โกนาเต้ได้ขึ้นโขกเตะมุม ตรงตัวคอสต้า อย่างไรก็ตามเขาถูกจับฟาล์วไปก่อน จากนั้นในนาที 24 ซาลาห์ฉวยโอกาสจังหวะที่คอสต้าเตะบอลขึ้นมาไปติดมาเน่แล้วบอลมาเข้าทางเขา แต่ผู้เล่นชาวอียิปต์ยิงไม่ผ่านนายประตูของปอร์โต้

ลิเวอร์พูลทำประตูได้ในนาที 37 มาเน่ส่งบอลไปกองก้นตาข่ายแล้วแต่ VAR ตรวจสอบว่าเป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน ในช่วงท้ายครึ่งแรก ในนาที 42 มอร์ตันสกัดบอลทิ้งในจังหวะที่ทาเรมี่ตบกลับเข้ากลางออกข้างไปได้เยี่ยม

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บแค่นาทีเดียว ก่อนจบครึ่งแรกที่แอนฟิลด์ ลิเวอร์พูลยังเสมอกับปอร์โต้ 0-0

เกมในครึ่งหลัง

ลิเวอร์พูลยังไม่มีการเปลี่ยนตัวเมื่อเริ่มครึ่งหลัง และเป็นทีมเยือนที่ได้โอกาสก่อนอีกครั้งโดยในนาที 48 อูริเบกลับตัวยิงในเขตโทษ บอลหลุดเสาออกไปนิดเดียว

 

แต่ลิเวอร์พูลมาได้ประตูขึ้นนำได้สำเร็จในนาที 52 ติอาโก้ อัลกันทารา วิ่งมายิงไกลเสียบเสาเข้าไปให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำแล้ว 1-0!

ลิเวอร์พูลลุ้นประตูที่สองในนาที 60 อ็อกซ์ล้มตัวยิงหน้าประตู บอลหลุดเสาออกไป ก่อนที่ในนาที 62 มินามิโนะเกือบทำประตูที่ 2 ให้ทีมนำห่างแต่ล้ำหน้าก่อน

คล็อปป์เปลี่ยนตัวครั้งแรกในเกม ในนาที 63 ซิมิกาสกับติอาโก้ถูกถอดออกไปพัก ลิเวอร์พูลส่งเฮนเดอร์สันกับโรเบิร์ตสันลงมาแทน

ลิเวอร์พูลพยายามทำประตูเพิ่มโดยมนนาที 65 มาเน่ได้ยิงด้วยเท้าซ้ายในเขตโทษ ลูกไม่เข้ากรอบ

ลิเวอร์พูลมาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งในนาที 70 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เปลี่ยนโอกาสแรกของเขาในเกมนี้ให้เป็นประตูด้วยการยิงมุมแคบผ่านคอสต้าเข้าไปให้ลิเวอร์พูลนำห่าง 2-0!

จากนั้นคล็อปป์ส่งสำรองอีกครั้งในนาที 71 ลิเวอร์พูลเอาฟาบินโญ่กับโอริกีลงมาแทนซาลาห์กับมาเน่

นาที 74 ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกระยะอันตราย เอ็มเบมบ้ารับใบเหลืองจากการไปฟาล์วใส่โอริกี ก่อนที่เฮนเดอร์สันวิ่งมายิงฟรีคิกเรียด บอลไม่เข้ากรอบ

ลิเวอร์พูลส่งสำรองคนสุดท้าย โดยให้มิลเนอร์ลงมาแทนที่ของอ็อกซ์

นาที 88 มิลเนอร์รับใบเหลืองเพิ่มไปอีกคน

ทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 3 นาที

นาที 90+1 มิลเนอร์ได้ทดสอบคอสต้าด้วยการยิงตรงริมกรอบเขตโทษแต่ไม่ผ่าน  

จบเกมลิเวอร์พูลชนะรวด 5 นัดในแชมเปียนส์ลีก